สั่งให้เข้างานก่อนเวลา ลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามก็ ไม่ถือเป็นการฝ่าฝืน

          หลายองค์กรอาจมีนโยบายหรือแนวปฏิบัติที่ให้นายจ้างสั่งให้ลูกจ้างเข้างานก่อนเวลาทำงานปกติ เช่น ล่วงหน้า 15–30 นาที เพื่อเตรียมความพร้อมในการเริ่มงานให้ตรงเวลา เช่น เปิดคอมพิวเตอร์ เตรียมเครื่องมือ ตรวจสอบงานค้าง หรือประชุมย่อยก่อนเริ่มงานจริง อย่างไรก็ตาม การกำหนดให้เข้างานก่อนเวลาเช่นนี้ ไม่สามารถบังคับใช้ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย หากไม่มีข้อตกลงหรือระบุไว้ชัดเจนในสัญญาจ้างหรือนโยบายของบริษัท

          ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 กำหนดไว้ชัดเจนว่า เวลาทำงานปกติคือเวลาที่ตกลงกันไว้ในสัญญาจ้างหรือประกาศของนายจ้าง ซึ่งโดยทั่วไปคือ 8 ชั่วโมงต่อวัน และหากมีการให้ลูกจ้างทำงานก่อนหรือหลังเวลาที่ตกลงกันไว้ ต้องถือว่าเป็นการทำงานนอกเวลาปกติ หรือ "การทำงานล่วงเวลา"

  • ต้องได้รับ ความยินยอมจากลูกจ้าง ล่วงหน้า

  • ลูกจ้างมีสิทธิได้รับ ค่าล่วงเวลา (OT) ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด

  • หากไม่มีความยินยอม ลูกจ้างสามารถ ปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ได้โดยไม่ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนวินัย

คำสั่งของนายจ้างจะถือว่า “ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม” และ ผูกพันลูกจ้างได้ จะต้องมีลักษณะ

  1. สอดคล้องกับกฎหมายแรงงาน

  2. ไม่ขัดต่อสัญญาจ้าง หรือนโยบายที่ลูกจ้างได้รับทราบและยอมรับ

  3. ไม่สร้างภาระหรือความไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้างโดยไม่จำเป็น

  4. มีเหตุผลจำเป็นทางการบริหาร ที่สามารถชี้แจงและอธิบายได้

          หากนายจ้างสั่งให้เข้างานก่อนเวลาโดยอ้างว่าเป็น “หน้าที่” แต่ไม่มีหลักฐานว่าลูกจ้างเคยตกลงไว้ หรือไม่มีการจ่ายค่าล่วงเวลา ย่อมถือว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และลูกจ้างมีสิทธิปฏิเสธคำสั่งได้อย่างถูกต้อง

          หากต้องการให้ลูกจ้างเข้างานก่อนเวลา ควรระบุไว้ชัดเจนใน หลีกเลี่ยงการใช้อำนาจโดยไม่เป็นธรรม เพราะอาจทำให้เกิดข้อพิพาทแรงงานหรือถูกฟ้องร้องย้อนหลังได้

  • นโยบายการทำงานหรือคู่มือพนักงาน 
  • หารือหรือจัดให้มีการลงนามรับทราบจากลูกจ้าง
  • จ่าย ค่าล่วงเวลา ตามกฎหมายหากเริ่มมีการทำงานจริงก่อนเวลา