FOMO อาการกลัวตกข่าว กลัวตกเทรนด์ เช็คตัวเองก่อนส่งผลต่อการทำงาน

          FOMO นั้นย่อมาจาก Fear of Missing Out ซึ่งแปลว่า ความกลัวที่จะพลาดเหตุการณ์หรือสิ่งที่สำคัญอย่างงาน ความสนใจ หรือเหตุการณ์ที่มีการเชื่อมโยงกับความสำเร็จหรือความสนุกสนาน ซึ่ง FOMO อาจส่งผลให้ผู้ที่มีประสบการณ์นี้มีพฤติกรรมที่ไม่สมดุล หรือใช้เทคโนโลยีโดยไม่เหมาะสม 

          การมี FOMO นั้นอาจส่งผลให้มีผลกระทบต่อการทำงานและความสุขส่วนตัวของบุคคลได้ ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเวลาและพักผ่อนให้เหมาะสม เพื่อลดความกังวลและความซึมเศร้าที่เกิดขึ้น น้องบีพลัสจะพามาเช็คอาการของคุณเอง ก่อนจะส่งผลกระทบต่อการทำงาน หากมีอาการด้านบนมากกว่า 4 ข้อ บอกได้เลยว่า คุณเข้าข่ายอาการ FOMO เข้าให้แล้ว

  • ชีวิตนี้ขาดโทรศัพท์มือถือไม่ได้  จำเป็นต้องมีโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา เพื่อไม่พลาดข่าวสารหรือเหตุการณ์สำคัญ
  • หยิบมือถือขึ้นมาเช็กทุก 1 นาที ตรวจสอบแอปหรือโซเชียลมีเดียในโทรศัพท์อย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามข่าวสารและเทรนด์ล่าสุด
  • แจ้งเตือนปุ๊บ หยิบปั๊บ มีนิสัยการตอบสนองต่อแจ้งเตือนจากโทรศัพท์โดยทันที
  • ไม่อยากตกกระแส เรื่อง Talk of the town ความกลัวที่จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสหรือเรื่องที่กำลังพูดถึงอยู่ในชุมชน
  • เจ้าแม่สายแชร์ พร้อมอัปเดตชีวิตตัวเองตลอด แชร์ข้อมูลส่วนตัวและการอัปเดตสถานะอยู่ตลอดเวลา
  • อารมณ์แปรปรวน ถ้าไม่ได้เล่นโซเชียล มีอารมณ์เสียหายหรือวุ่นวายเมื่อไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดีย
  • ใช้สมาร์ทโฟนมากกว่า 6 ชม./วัน การใช้เวลาในการใช้โทรศัพท์มากกว่าที่จำเป็น
  • กังวล ไม่สบายใจ กับคอมเม้นโซเชียลมีเดีย มีความกังวลหรือไม่สบายใจเกี่ยวกับความคิดเห็นหรือคอมเมนต์ที่ได้รับจากสื่อโซเชียล
  • ไม่สบายใจ เวลาพลาดนัดไม่ได้ไปเจอแก๊งค์เพื่อน พร้อมๆ กับคนอื่น กลัวไม่ได้รับรู้ข้อมูลเท่ากับคนอื่น
  • ซึมเศร้า มีความสุขน้อยลง เมื่อไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ต้องการ มีอารมณ์ซึมเศร้าหรือรู้สึกไม่มีความสุขเมื่อไม่ได้รับความสนใจหรือการตอบสนองตามต้องการ

          แม้ว่าอาการกลัวตกข่าวอาจไม่ได้ร้ายแรงจนเรียกว่าเป็นอาการทางจิตที่จำเป็นต้องพบแพทย์ แต่ถ้าเป็นหนักขึ้น ก็อาจพัฒนาไปสู่อาการทางจิตอื่นๆ ได้ เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เกิดความเครียดและส่งผลกระทบต่อจิตใจตัวเองอย่างหนัก ทำให้ self-esteem ลดลง 

  • จำกัดชั่วโมงการเล่นมือถือต่อวันของตัวเอง
  • ปิดเสียงการแจ้งเตือน หรือจะลองปรับเป็นโหมดออฟไลน์บ้าง เพื่อเลี่ยง notification ที่จะเด้งมาให้กระวนกระวายใจ
  • เปลี่ยนกิจกรรมเวลาว่าง จากเล่นมือถือ ไปทำงานอดิเรกที่ชอบ เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ ออกกำลังกาย พาหมาไปเดินเล่น
  • ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนและครอบครัว แบบเจอกันตัวเป็น ๆ ให้มากขึ้น ระหว่างนั้นก็พยายามฝึกตัวเองให้จับมือถือให้น้อยลง เน้นพูดคุยกับคนตรงหน้าให้มากขึ้น
  • พยายามเลี่ยงการอยู่คนเดียว ที่อาจทำให้เผลอจับมือถือได้ง่าย ๆ และออกไปทำกิจกรรมที่ต้องพบเจอพูดคุยกับคน ออกไปทำกิจกรรมเพื่อให้คุณได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้น

 

ที่มา JobsDB