ในบางองค์กรอาจพบปัญหาพนักงาน มาลงเวลาเข้างานตามปกติ แต่กลับไม่ยอมปฏิบัติงาน เช่น นั่งเฉย ๆ ไม่ทำงาน หรือหลบเลี่ยงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย กรณีแบบนี้ถือเป็นเพียง “ขาดงาน” หรือจริงๆ แล้วเข้าข่าย “ละทิ้งหน้าที่” ตามกฎหมายแรงงาน ?
กฎหมายแรงงานกำหนดว่า หากลูกจ้าง ไม่มาปฏิบัติงานในเวลาทำงานปกติเป็นเวลา 3 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และสิ่งสำคัญคือ การนับ “3 วันทำงานติดต่อกัน” ไม่นับเฉพาะวันทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมช่วงที่มีวันหยุดแทรกอยู่ด้วย เช่น ไม่มาทำงานวันศุกร์ พอเสาร์-อาทิตย์เป็นวันหยุด แล้วยังไม่มาทำงานวันจันทร์ แบบนี้ก็นับเป็น 3 วันติดต่อกันเช่นกัน
บางคนอาจคิดว่า “แค่ตอกบัตรมาแล้ว ถือว่ามาทำงานแล้ว” ซึ่งไม่ถูกต้อง
คำพิพากษาฎีกาที่ 2477/2535 ระบุชัดเจนว่า กรณีลูกจ้างมาที่ทำงานเพื่อลงเวลาเข้าทำงานและเลิกงานตามปกติ แต่ไม่ยอมไปปฏิบัติงานตามคำสั่งของนายจ้าง การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร
แปลความได้ว่า การทำงานต้องวัดจากการปฏิบัติหน้าที่จริง ไม่ใช่แค่การมาลงชื่อหรือตอกบัตรเท่านั้น
ในทางกฎหมายจะพิจารณาตาม ข้อเท็จจริงของการปฏิบัติงาน หากลูกจ้างมาลงเวลาแต่ไม่ทำงาน หรือจงใจละเว้นหน้าที่ ก็ถือว่า “ไม่มาทำงาน” ได้เช่นเดียวกับการขาดงาน
สิ่งที่ HR ควรทำเมื่อพบกรณีนี้
-
บันทึกข้อเท็จจริง เช่น พนักงานมาลงเวลาแต่ไม่ทำงาน ไม่รับคำสั่ง หรือปฏิเสธงาน ควรมีพยานหรือหลักฐานชัดเจน เช่น รายงานหัวหน้างาน ภาพถ่าย กล้องวงจรปิด
-
ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร แจ้งพนักงานให้ทราบว่าการไม่ปฏิบัติงานแม้จะมาลงเวลา ถือว่าละเมิดวินัยแรงงาน
-
หากพฤติกรรมต่อเนื่องถึง 3 วันติดต่อกัน นายจ้างมีสิทธิเพิกถอนสัญญาจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย (ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด)
มาลงเวลาแต่ไม่ทำงาน = ถือว่าละทิ้งหน้าที่
กฎหมายแรงงานมองที่ “การปฏิบัติงานจริง” ไม่ใช่แค่การแสดงตัว
หากพนักงานละทิ้งหน้าที่ 3 วันติดต่อกัน นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
ที่มา กฎหมายแรงงาน