พนักงานส่งของ ระหว่างรอขึ้นของ ถือเป็นเวลาทำงานหรือไม่

          งานขนส่งทางบกเป็นงานที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม แต่ด้วยลักษณะงานที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ยานพาหนะ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง กฎหมายแรงงานจึงกำหนดข้อจำกัดเวลาทำงานไว้ชัดเจนเพื่อคุ้มครองทั้งลูกจ้างและนายจ้าง

          ตามกฎหมายแรงงาน งานขนส่งหมายถึง การลำเลียงหรือเคลื่อนย้ายบุคคล สัตว์ หรือสิ่งของด้วยยานพาหนะขนส่งที่ใช้กำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น

ไม่รวมถึง การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือสัตว์เจ็บป่วย  การขนส่งในงานดับเพลิง  งานบรรเทาสาธารณภัย

ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 12 ข้อ 2 กำหนดว่า นายจ้างต้องกำหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดการทำงานปกติ ไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง สำหรับลูกจ้างที่ทำงานในงานขนส่งทางบก

หลายคนเข้าใจผิดว่าหมายถึงเฉพาะเวลาที่ลูกจ้างขับยานพาหนะเท่านั้น แต่ความจริงคือ รวมถึงเวลาที่พนักงานต้องปฏิบัติงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น

  • พนักงานติดรถที่ไม่ได้ขับ แต่ร่วมเดินทางไปกับรถ

  • เวลารอขึ้น-ลงสินค้า

  • เวลารอคำสั่งหรือภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง

ดังนั้น แม้ไม่ได้ขับรถ แต่ถ้าอยู่ในช่วงเวลาปฏิบัติงาน ก็ถือว่าเป็นเวลาทำงานปกติ เช่นกัน

          ในทางปฏิบัติ งานขนส่งบางครั้งอาจมีเหตุให้เวลางานยืดออก เช่น ต้องรอขึ้น-ลงสินค้า การเดินทางไป-กลับในระยะทางไกล ภารกิจที่รู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเกินเวลาทำงานปกติ

มีคำถามว่า ... สามารถขอทำงานล่วงเวลาโดยอ้าง “เหตุสุดวิสัย” ได้หรือไม่?

คำตอบคือ ไม่ได้ 

          เพราะตามมาตรา 8 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ “เหตุสุดวิสัย” หมายถึง เหตุที่ไม่สามารถป้องกันได้ แม้จะใช้ความระมัดระวังแล้วก็ตาม เช่น ภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุร้ายแรง เหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม แต่กรณีงานขนส่งที่ต้องรอคิวขึ้น-ลงสินค้า หรือการเดินทางไกลนั้น นายจ้าง สามารถคาดการณ์และวางแผนล่วงหน้าได้ จึงไม่เข้าข่ายเหตุสุดวิสัยตามกฎหมาย

สิ่งที่ HR และนายจ้างควรทำ คือ

  • วางแผนตารางการทำงานให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เวลางานปกติเกิน 8 ชั่วโมง

  • หากจำเป็นต้องเกินเวลา ต้องทำเป็น การทำงานล่วงเวลา (OT) โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง และจ่ายค่าล่วงเวลาตามอัตราที่กฎหมายกำหนด

  • สื่อสารและชี้แจงให้พนักงานเข้าใจสิทธิและหน้าที่ เพื่อป้องกันข้อพิพาทแรงงาน

 

ที่มา กฎหมายแรงงาน