หากลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้างในเดือนนั้น ก็ไม่ต้องนำส่งกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง

          การบริหารจัดการเรื่องกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเป็นภารกิจสำคัญของนายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยกฎหมายกำหนดให้นายจ้างต้องหักเงินสะสมจากค่าจ้างของลูกจ้าง และนำส่งเงินสมทบในอัตราเดียวกันเข้ากองทุนอย่างต่อเนื่องในแต่ละเดือน

กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ

  1. เงินสะสม  เป็นเงินที่หักจากค่าจ้างของลูกจ้าง

  2. เงินสมทบ  เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายในจำนวนเท่ากับเงินสะสมของลูกจ้าง

          โดยการหักและนำส่งทั้งสองส่วนนี้ ขึ้นอยู่กับการมีค่าจ้างเกิดขึ้นในเดือนนั้น ๆ หากลูกจ้าง ไม่ได้รับค่าจ้างเลยในเดือนใดเดือนหนึ่ง ก็ไม่มีฐานให้คำนวณเงินสะสม และในทางกลับกัน นายจ้างก็ ไม่จำเป็นต้องนำส่งเงินสมทบในเดือนนั้นเช่นกั

          กรณีตัวอย่างที่ลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้าง ในทุกกรณีนี้ หากไม่มีค่าจ้างเกิดขึ้นจริงในรอบเดือนนั้น จะถือว่าไม่ต้องนำส่งเงินทั้งสองส่วนเข้ากองทุน

  • ลาหยุดงานโดยไม่มีค่าจ้าง เช่น ลากิจนเกินสิทธิ หรือขอลางานส่วนตัวโดยไม่มีการจ่ายเงิน

  • หยุดงานชั่วคราวตามข้อตกลง เช่น หยุดงานตามโครงการหยุดชั่วคราว (temporary layoff)

  • เหตุสุดวิสัย เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือการปิดสถานที่ทำงานชั่วคราวโดยที่ลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้าง

 

เงินสะสมที่นำส่งเข้ากองทุน ต้อง หักจากค่าจ้างของลูกจ้าง หากไม่มีค่าจ้าง ก็ไม่มีเงินให้หัก

เงินสมทบของนายจ้าง จะคิดจาก จำนวนเงินสะสมของลูกจ้าง หากไม่มีเงินสะสม นายจ้างก็ไม่มีภาระต้องจ่ายเงินสมทบ

นี่เป็นหลักการพื้นฐานที่ช่วยให้การคำนวณเป็นธรรมและสอดคล้องกับสภาพการจ้างงานในแต่ละเดือน

 

ที่มา กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน