5 จุดสังเกตของผู้สมัครที่น่าร่วมงานด้วย

แน่นอนว่าการพิจารณาผู้สมัครจาก Resume และการสัมภาษณ์งานอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยเฉพาะการประเมินเรื่อง Soft Skills ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จับต้องได้น้อยกว่าเรื่องบุคลิกภาพหรือความสามารถด้าน Hard Skills จึงทำให้ HR หลายคนอาจมีคำถามหรือเกิดความลังเลใจว่าควรเลือกผู้สมัครแบบไหนดี เรามาดู 5 คุณสมบัติสำคัญที่เราอยากแนะนำให้เป็นจุดสังเกตของผู้สมัครที่น่าร่วมงานด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณได้ค้นพบบุคลากรที่มีคุณภาพและลดความเสี่ยงในการสรรหาพนักงานที่ผิดพลาดไปพร้อมๆ กัน

1.ทักษะการทำงานเป็นทีม

เนื่องจากงานส่วนใหญ่ต้องอาศัยความร่วมมือกับผู้อื่นและการทำงานเป็นทีม ในบางตำแหน่งอาจรวมถึงการเข้าไปบริหารจัดการงานของผู้อื่นด้วย หรือแม้แต่งานที่หลายคนมองว่าทำคนเดียวได้ เช่น การทำบัญชีหรือ การพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ยังจำเป็นต้องติดต่อขอข้อมูลจำนวนมากจากผู้อื่น ด้วยเหตุนี้ ทักษะการทำงานเป็นทีมจึงเป็นสิ่งที่คุณควรมองหาจากผู้สมัครงานทุกคน

2.ความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้

การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นทักษะที่จำเป็นในโลกการทำงานยุคปัจจุบัน เพื่อก้าวให้ทันเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา ซึ่งอาจส่งผลให้ระบบและรูปแบบการทำงานในองค์กรต่างๆ ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย คนที่หยุดเรียนรู้จึงมีความเสี่ยงที่จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง แม้ว่าจะเคยมีความรู้หรือประสบการณ์ทำงานที่สั่งสมมายาวนานแค่ไหนก็อาจถูกคนรุ่นหลังไล่ตามทันในท้ายที่สุด

ดังนั้น ความสามารถในการเรียนรู้จึงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากของพนักงาน ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่การเรียนรู้ทักษะทางวิชาชีพใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาทางด้านอารมณ์และจิตใจในฐานะมนุษย์คนหนึ่งด้วย

3.ทักษะในการสื่อสาร

ผู้สมัครงานทุกตำแหน่งควรมีทักษะในการสื่อสารขั้นพื้นฐานได้อย่างชัดเจนทั้งทางวาจาและลายลักษณ์อักษร รวมทั้งสามารถทำความเข้าใจในสิ่งที่ผู้อื่นสื่อสารได้อย่างถูกต้องด้วย แม้ว่าในบางตำแหน่งอาจไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดได้ดี พูดเก่งหรือมีคารมคมคาย แต่ถ้าคนไหนสามารถทำได้ก็จะช่วยส่งเสริมให้ตัวเองดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ คุณอาจทดสอบผู้สมัครด้วยการให้ลองตั้งคำถามและตอบคำถามเกี่ยวกับโจทย์หรือหัวข้อที่กำหนด เพราะถ้าผู้สมัครมีปัญหาหรือขาดทักษะด้านการสื่อสารย่อมมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของทีมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากรับเข้ามาทำงานแล้ว

4.แรงจูงใจในตนเอง

พนักงานที่มีแรงจูงใจในตนเองมักจะชื่นชอบและหลงใหลในงานที่ทำมากจนกระทั่งอยากทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด โดยไม่ได้คำนึงถึงรางวัลหรือผลตอบแทนมาเป็นแรงขับเคลื่อนในการทำงาน อย่างไรก็ตาม แรงจูงใจในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า HR จะต้องพยายามค้นหาผู้สมัครที่ยอมอุทิศตนทำงานหนักอย่างเต็มที่โดยไม่บ่นหรือร้องขอเงินเดือนที่สูงขึ้น เพราะองค์กรที่ดีควรจ่ายค่าตอบแทนให้พนักงานที่มีศักยภาพอย่างสมเหตุสมผลรวมถึงการให้ความสำคัญกับเรื่อง Work Life Balance ด้วย

5.เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรได้

วัฒนธรรมของแต่ละองค์กรสามารถเปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันได้ ทักษะในการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรจึงไม่ใช่แค่เรื่องพื้นฐานง่ายๆ เช่น การรับประทานอาหารกลางวันหรือไปปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานหลังเลิกงาน แต่เป็นเรื่องของการทำความเข้าใจ ยอมรับและปรับตัวให้เข้ากับกฎระเบียบ เช่น การแต่งกาย เวลาเข้าออกงาน และรูปแบบการทำงานซึ่งอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปในแต่ละทีม แม้จะอยู่ในองค์กรเดียวกันก็ตาม

ที่มา www.cigna.co.th