วันที่ 7 พฤศจิกายน 2025 มีการประกาศแก้ไข พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (Labour Protection Act) ฉบับใหม่ในราชกิจจานุเบกษา โดยมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 7 ธันวาคม 2025
การแก้ไขนี้เป็นการปรับสิทธิ ลาคลอด และการลาสำหรับครอบครัว ให้คุ้มครองแรงงานมากขึ้น โดยเฉพาะแรงงานหญิงและครอบครัวในช่วงหลังคลอด
ลาคลอด
- เพิ่มระยะเวลาลาคลอดจาก 98 วัน เป็น 120 วัน ต่อการตั้งครรภ์หนึ่งครั้ง
- นายจ้างจ่ายเงินเดือนเต็ม (full wages) 60 วันแรก จากช่วงลา 120 วัน
- หากทารกเกิดมามี ภาวะสุขภาพที่เสี่ยง, ความพิการ หรือโรคที่อาจมีภาวะแทรกซ้อน พนักงานหญิงสามารถขอลาเพิ่ม 15 วัน เพื่อดูแลลูกได้
- ระหว่างช่วงลา 15 วันนี้ นายจ้างจ่าย 50% ของเงินเดือนปกติ โดยต้องใช้ ใบรับรองแพทย์ (medical certificate) เพื่อยืนยันภาวะสุขภาพของทารกตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
ลาของคู่สมรส
- เพิ่มสิทธิลาพักงานให้พนักงาน (โดยเฉพาะพนักงานชาย) 15 วัน เพื่อช่วยเหลือคู่สมรสช่วงคลอดหรือดูแลเด็กแรกเกิด
- สามารถใช้ลานี้ได้ ภายใน 90 วันก่อนหรือหลังการคลอด
- ในช่วง 15 วัน นายจ้างจ่าย เงินเดือนเต็ม (full wages) ให้กับพนักงานตามสิทธิ
นายจ้างที่มีพนักงาน อย่างน้อย 10 คน ต้องจัดทำ รายงานเงื่อนไขการจ้างงานและสภาพการทำงาน ส่งให้ กรมคุ้มครองแรงงานและสวัสดิการแรงงาน ทุกปีภายในเดือนมกราคม จุดประสงค์คือเสริมความโปร่งใส การติดตามว่าบริษัทให้สิทธิตามกฎหมายจริง และตรวจสอบการปฏิบัติตามบทบัญญัติแรงงาน
ขยายการคุ้มครองให้กับ ลูกจ้างภายใต้สัญญาบริการ กับหน่วยงานภาครัฐ พนักงานบางกลุ่มที่ทำงานภายใต้สัญญาบริการ กับภาครัฐ (หน่วยงานท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์กรของรัฐ) ที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลเหมือนพนักงาน จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงานฉบับนี้ด้วย เช่น วันลาคลอด / วันหยุด /ค่าจ้าง /เวลาพัก ฯลฯ
HR ควรปรับ นโยบายของบริษัทให้สอดคล้องกับสิทธิลาคลอดแบบใหม่ เพื่อให้พนักงานเข้าใจสิทธิของตนเอง และบริษัทปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมาย
- ปรับระบบ Payroll / เงินเดือน เนื่องจากจำนวนวันที่ต้องจ่ายเต็ม (60 วัน) เพิ่มขึ้น HR ควรเช็กระบบคำนวณเงินเดือนให้รองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงจ่ายเงินผิด หรือล่าช้า
- อัปเดตโปรเซสขอลา & เอกสารประกอบ สร้างหรือแก้แบบฟอร์มลาคลอดให้ครอบคลุม การลา 120 วัน และลาเพิ่มเติม 15 วัน (ลูกป่วย / พิการ) อีกทั้งการลาคู่สมรส 15 วัน
- กำหนดเงื่อนไขการยื่น ใบรับรองแพทย์ ในกรณีลูกมีภาวะแทรกซ้อน
- วางกระบวนการอนุมัติการลาให้ชัด ใครอนุมัติ, ต้องแจ้งล่วงหน้า, ต้องส่งเอกสารอะไร
- สื่อสารกับพนักงาน HR ควรจัด การอบรม ประชุมสื่อสาร เพื่ออธิบายสิทธิลาคลอดใหม่ให้พนักงานทุกคนเข้าใจ โดยเฉพาะพนักงานหญิงในวัยวางแผนครอบครัว และพนักงานชายที่จะใช้สิทธิคู่สมรส
- ติดตามการบังคับใช้กฎหมาย แม้ว่าบังคับใช้ตั้งแต่ 7 ธันวาคม 2025 แต่ HR ควรเฝ้าดูประกาศรองหรือคำชี้แจง เพราะอาจมีรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น อัตราการจ่าย Social Security (ประกันสังคม) หรือแนวปฏิบัติอื่น
การเพิ่มวันลาคลอดและเพิ่มสิทธิลาครอบครัว (paternity leave) สะท้อนแนวคิด องค์กรเป็นมิตรกับครอบครัว (family-friendly workplace) ซึ่งเป็นจุดดึงดูดพนักงาน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ work-life balance พร้อมสิทธิลาครอบครัวที่ครอบคลุมมากขึ้น ช่วยลดภาระทางจิตใจให้กับแรงงานหญิงหลังคลอด และช่วยให้พนักงานชายมีบทบาทมากขึ้นในการดูแลลูก ซึ่งอาจช่วยรักษาพนักงาน และลดอัตราออกจากงานเนื่องจากการตั้งครรภ์ /เลี้ยงลูก
การแก้ไขกฎหมายลาคลอดในปี 2025 ถือเป็นก้าวสำคัญของระบบคุ้มครองแรงงานไทย โดยให้สิทธิแม่เพิ่มขึ้น ให้พ่อ/คู่สมรสมีบทบาทมากขึ้น และขยายการคุ้มครองให้กับพนักงานที่อาจตกหล่นก่อนหน้า
สำหรับ HR การเตรียมพร้อมก่อนวันบังคับใช้ (7 ธันวาคม 2025) เป็นสิ่งจำเป็น ทั้งในด้านนโยบายภายใน ระบบเงินเดือน การสื่อสาร และการรายงาน ให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายและเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจครอบครัว (family-friendly) จริงจัง
หากคุณกำลังมองหาระบบเงินเดือนและ HR ที่ครอบคลุม เราขอแนะนำ Bplus HRM - โปรแกรมเงินเดือนครบวงจรสำหรับองค์กรไทย ที่รองรับทั้งแบบโปรแกรมเงินเดือน On-premise หรือโปรแกรมเงินเดือน on Cloud และโปรแกรมเงินเดือนแบบออนไลน์ใช้งานผ่านเว็บ ซึ่งโปรแกรมเงินเดือนสำเร็จรูปอย่าง Bplus HRM ไม่เพียงช่วยลดเวลาและความผิดพลาดในการคำนวณเงินเดือน แต่ยังช่วยบริหารงานบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกระบบที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว สำหรับองค์กรที่ต้องการระบบที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทยโดยเฉพาะ Bplus HRM คือทางเลือกที่คุ้มค่าและน่าเชื่อถือ สามารถติดต่อขอชมการสาธิตและทดลองใช้ระบบได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Business Plus
สนใจชมสาธิตการใช้งานเพื่อรับสิทธิทดลองใช้
ติดต่อหาเราได้ที่