Virtual conference 3 รูปแบบ จัดงานอีเวนต์ออนไลน์

         ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลและการเชื่อมต่อออนไลน์กลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิต การจัดงานอีเวนต์ได้พัฒนาไปสู่รูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวก ความยืดหยุ่น และการเข้าถึงผู้คนทั่วโลก งานอีเวนต์ออนไลน์หรือ Virtual Conferences ได้กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับองค์กร ธุรกิจ และชุมชนที่ต้องการสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าโดยไม่ถูกจำกัดด้วยสถานที่หรือเวลา

1. การสัมมนาออนไลน์ (Webinars: Web-based Seminar)

         Webinars หรือการสัมมนาออนไลน์ เป็นรูปแบบที่เน้นการถ่ายทอดความรู้หรือเนื้อหาในหัวข้อเฉพาะ โดยมักจัดในรูปแบบการนำเสนอจากวิทยากรหนึ่งคนหรือกลุ่มเล็กๆ ไปยังผู้เข้าร่วมจำนวนมากผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Zoom, Microsoft Teams หรือ WebinarJam รูปแบบนี้เหมาะสำหรับการฝึกอบรม การแนะนำผลิตภัณฑ์ หรือการให้ความรู้ในหัวข้อที่เจาะจง เช่น การตลาดดิจิทัล หรือการพัฒนาทักษะส่วนบุคคล

  • การโต้ตอบจำกัด ผู้เข้าร่วมมักรับฟังและอาจถามคำถามผ่านแชทหรือ Q&A
  • ระยะเวลาสั้น มักใช้เวลา 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมง
  • ต้นทุนต่ำ ไม่ต้องใช้สถานที่หรืออุปกรณ์มาก เน้นแพลตฟอร์มออนไลน์

วิธีทำให้ปัง

  • เลือกหัวข้อที่ดึงดูด หัวข้อควรแก้ปัญหาหรือตอบโจทย์ความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เช่น “5 เทคนิคเพิ่มยอดขายด้วยโซเชียลมีเดีย”
  • ใช้เครื่องมือโต้ตอบ เพิ่มการมีส่วนร่วมด้วยแบบสำรวจ (Polls), ควิซ หรือช่วงถาม-ตอบสด
  • บันทึกและแบ่งปัน บันทึก Webinar เพื่อให้ผู้ที่พลาดสามารถดูย้อนหลังได้ ช่วยขยายการเข้าถึง
  • ใช้ Storytelling ในการนำเสนอเพื่อสร้างความน่าสนใจ และออกแบบสไลด์ให้สวยงาม กระชับ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชมที่อาจถูกรบกวนจากสิ่งแวดล้อมออนไลน์

2. การประชุมเสมือนจริง (Virtual Conferences)

         Virtual Conferences คือการประชุมหรืองานสัมมนาขนาดใหญ่ที่จัดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยจำลองประสบการณ์ของงานอีเวนต์แบบดั้งเดิม เช่น การประชุมวิชาการ งานแสดงสินค้า หรืองานรวมตัวของชุมชน รูปแบบนี้มักมีหลายเซสชัน วิทยากรหลายคน และกิจกรรมหลากหลาย เช่น การบรรยายหลัก (Keynote), เวิร์กช็อป, หรือบูธเสมือนจริง ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่นิยม ได้แก่ Hopin, vFairs หรือ Remo

  • ประสบการณ์ครบวงจร มีทั้งการบรรยาย การสร้างเครือข่าย (Networking) และบูธสินค้าเสมือนจริง
  • การมีส่วนร่วมสูง ผู้เข้าร่วมสามารถเลือกเซสชันที่สนใจ เข้าร่วมโต๊ะกลม หรือแชทกับผู้เข้าร่วมคนอื่น
  • เข้าถึงทั่วโลก ผู้เข้าร่วมจากทุกมุมโลกสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่ต้องเดินทาง

วิธีทำให้ปัง

  • ออกแบบประสบการณ์ที่สมจริง ใช้แพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์ Networking เช่น ห้องแชทกลุ่ม หรือโต๊ะเสมือนจริง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกเหมือนอยู่ในงานจริง
  • กำหนดตารางที่ชัดเจน จัดตารางเซสชันให้เหมาะกับเขตเวลาของผู้เข้าร่วม และให้ตัวเลือกดูย้อนหลัง
  • โปรโมตงานล่วงหน้า ใช้โซเชียลมีเดีย อีเมลมาร์เก็ตติ้ง หรือ Influencer เพื่อดึงดูดผู้เข้าร่วม
  • เพิ่ม Gamification เช่น การให้คะแนนสำหรับผู้ที่เข้าร่วมเซสชันครบ หรือรางวัลสำหรับผู้ที่ตอบคำถามในแชท เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมและสร้างความสนุก

3. งานอีเวนต์แบบลูกผสม (Hybrid Events)

         Hybrid Events คือการผสมผสานระหว่างงานอีเวนต์แบบ onsite (ในสถานที่จริง) และ online เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถเลือกเข้าร่วมได้ทั้งสองช่องทาง รูปแบบนี้เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการรักษาความรู้สึกของการพบปะแบบตัวต่อตัว พร้อมขยายการเข้าถึงไปยังผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ เช่น งานแต่งงาน งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ หรือการประชุมบริษัท

  • ยืดหยุ่น ผู้เข้าร่วมเลือกได้ว่าจะมางานด้วยตัวเองหรือเข้าร่วมผ่านออนไลน์
  • ประสบการณ์หลากหลาย ผู้เข้าร่วม onsite ได้สัมผัสบรรยากาศจริง ส่วนผู้เข้าร่วมออนไลน์ได้รับความสะดวกสบาย
  • ความท้าทายด้านเทคโนโลยี ต้องใช้ระบบสตรีมมิ่งที่เสถียรและทีมงานที่ดูแลทั้งสองช่องทาง

วิธีทำให้ปัง

  • สร้างประสบการณ์ที่เท่าเทียม ออกแบบงานให้ผู้เข้าร่วมออนไลน์รู้สึกมีส่วนร่วม เช่น มีพิธีกรที่พูดถึงผู้ชมออนไลน์ หรือจัด Q&A รวมทั้งสองกลุ่ม
  • ลงทุนในเทคโนโลยี ใช้กล้องคุณภาพสูง ระบบเสียงที่ดี และอินเทอร์เน็ตที่เสถียรเพื่อป้องกันปัญหาการสตรีม
  • โปรโมตทั้งสองช่องทาง สร้างแคมเปญที่เจาะจงทั้งผู้เข้าร่วม onsite (เช่น โปรโมชันในงาน) และออนไลน์ (เช่น คูปองดิจิทัล)
  • ใช้ Interactive Tools เช่น แอปพลิเคชันงานอีเวนต์ที่ให้ผู้เข้าร่วมทั้ง onsite และออนไลน์โหวต หรือแชร์ความคิดเห็นแบบเรียลไทม์ เพื่อเชื่อมโยงประสบการณ์ของทั้งสองกลุ่ม

 

ที่มา JobsDB