มนุษย์เงินเดือนเช็กหน่อย เราต้องยื่นภาษีครึ่งปีด้วยไหม ?!

หลายคนคงจะคุ้นเคยกับการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91) ซึ่งจะยื่นในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน ของปีถัดไป เป็นอย่างดี แต่มีใครรู้ไหมว่าสำหรับคนที่มีรายได้จากทางอื่น ๆ นอกเหนือจากเงินเดือนประจำ ยังต้องมีการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี หรือ ภ.ง.ด.94 อีกด้วย  วันนี้เราไปดูกันว่าแล้วใครบ้างที่มีหน้าที่ต้องยื่น เราเข่าข่ายหรือป่าวนะ ไปดูรายละเอียดกัน 

 

ใครบ้างมีหน้าที่ต้องยื่นภาษีครึ่งปี 
การยื่นภาษีครึ่งปีจะทำได้ก็ต่อเมื่อเรามีรายได้เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก คือ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึง 30 มิถุนายน ของปีนั้น ๆ มากกว่า 60,000 บาท ในกรณีโสด หรือกรณีมีคู่สมรส ต้องมีรายได้รวมกันเกิน 120,000 บาท ถึงจะเข้าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด และที่สำคัญก็คือต้องเป็นรายได้ที่มาจากเงินได้ประเภทที่ 5, 6, 7 และ 8 ตามประมวลรัษฎากร ซึ่งเงินได้ทั้ง 4 ประเภทที่เข้าข่ายต้องยื่นภาษีครึ่งปี มีดังนี้

 - ค่าเช่า (เงินได้ประเภทที่ 5)
คือ รายได้ที่มาจากการปล่อยเช่าทรัพย์สินทุกประเภทที่เรามี ไม่ว่าเป็น บ้าน ที่ดิน หรือรถยนต์ หรือถ้านำทรัพย์สินของคนอื่นมาปล่อยเช่าต่อก็ถือว่าเป็นเงินได้ประเภทที่ 5 เช่นกัน  
- ค่าวิชาชีพอิสระ (เงินได้ประเภทที่ 6)
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะว่า "วิชาชีพอิสระ" คือคนที่ทำฟรีแลนซ์ แต่วิชาชีพอิสระ ประกอบด้วย 6 สาขานี้เท่านั้น ได้แก่ แพทย์/พยาบาลที่มีใบประกอบโรคศิลปะ, นักกฎหมาย, วิศวกร, สถาปนิก, นักบัญชี และช่างประณีตศิลป์ โดยเงินได้ที่ต้องยื่นภาษี จะอยู่ในรูปของค่าตอบแทนจากการประกอบวิชาชีพอิสระที่มีจำนวนไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับปริมาณหรือความยากง่าย หรือสรุปง่าย ๆ คือเป็นรายได้อื่น ๆ ที่เกิดจากการใช้ความรู้ในวิชาชีพ และไม่ใช่เงินเดือนประจำนั่นเอง

- ค่ารับเหมาทั้งค่าแรงและค่าของ (เงินได้ประเภทที่ 7)
เป็นรายได้ที่มาจากการว่าจ้างรับเหมาที่เราต้องเป็นผู้จัดหาทั้งแรงงาน เครื่องมือ และวัสดุต่าง ๆ เองทั้งหมด ตามแบบที่ลูกค้าสั่ง แต่ถ้ามีการรับเหมาแค่ค่าแรง แล้วลูกค้าเป็นคนซื้อวัสดุเองจะไม่ใช่เงินได้ประเภทที่ 7 แต่จะไปเข้าข่ายเงินได้ประเภท 2 ที่เป็นค่าจ้างทั่วไปแทน
- เงินได้อื่น ๆ ที่ไม่เข้าพวก (เงินได้ประเภทที่ 8)
คือ เงินได้ที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี และไม่เข้ากลุ่มไหนเลยในเงินได้ทั้ง 7 ประเภท เช่น รายได้จากการเป็นนักร้องดารา รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมรดก รายได้จากการประกอบธุรกิจในนามบุคคลธรรมดา อย่างเปิดร้านขายอาหาร ร้านตัดผม หรือขายของออนไลน์ก็ด้วย รวมทั้งเงินปันผลที่ได้จากกองทุนรวม ส่วนกรณีที่เราขายกองทุน LTF หรือ RMF ไปในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน หากจำนวนเงินที่ได้รับเกินเกณฑ์ที่กำหนดก็ต้องยื่นภาษีด้วยเช่นกัน แม้ว่าการขาย LTF หรือ RMF จะถูกเงื่อนไข

 

ตรวจสอบเงินได้ประเภทที่ 5-8 ที่ต้องยื่น ภ.ง.ด.94 อย่างละเอียดที่ เว็บไซต์กรมสรรพากร

ส่วนใครที่มีเงินได้ที่มาจากทางอื่น ๆ นอกเหนือจากเงินได้ 4 ประเภทที่บอกมานั้น ไม่ว่าจะเป็น เงินเดือน ค่าจ้างทั่วไป ค่าลิขสิทธิ์ ดอกเบี้ยและเงินปันผล แม้จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกก็ตาม สบายใจได้เพราะไม่ต้องมีหน้าที่ไปยื่นภาษีครึ่งปีให้ยุ่งยาก รอยื่นทีเดียวได้ตอนปลายปีเลย

 

ยื่นภาษีครึ่งปี 2563 ได้ถึงเมื่อไหร่
โดยปกติแล้ว ภาษีครึ่งปีจะเปิดให้ยื่นวันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน ของทุกปี แต่หากยื่นผ่านระบบอินเทอร์เน็ต จะสามารถยื่นได้ถึงวันที่ 8 ตุลาคม

 

ยื่นภาษีครึ่งปีแล้ว ต้องไปยื่นปลายปีอีกไหม
แม้ว่าเราจะได้ยื่นภาษีครึ่งปีกันไปแล้ว แต่เมื่อถึงเวลายื่นภาษีประจำปีในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม ก็ยังคงต้องมีหน้าที่ไปยื่นแบบแสดงภาษีเงินได้ส่วนบุคคลประจำปีเหมือนเดิม โดยจะเป็นการสรุปเงินได้ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี ไม่ใช่ยื่นแค่เงินได้ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนะ 
โดยเราจะต้องนำรายได้ ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนภาษีของทั้งปีมายื่นในแบบ ภ.ง.ด.90 อีกครั้ง ส่วนภาษีที่จ่ายไปแล้วในช่วงครึ่งปี ก็ให้นำมาแสดงอีกครั้งด้วย กรมสรรพากรจะได้รู้ว่าเราเสียภาษีไปเท่าไรแล้ว เพราะเราสามารถนำภาษีที่เสียไปแล้วมาเป็นเครดิตออกจากภาษีสิ้นปีได้ด้วย
ยกตัวอย่างเช่น เราได้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปีไปแล้ว 10,000 บาท พอสิ้นปีมาคำนวณภาษีใหม่ได้จำนวน 15,000 บาท เราก็จ่ายส่วนต่างภาษีที่เพิ่มขึ้นอีก 5,000 บาท นั่นเอง
แต่ถ้าเป็นกรณีที่เราคำนวณภาษีทั้งหมดทั้งปีได้แค่ 5,000 บาท แต่จ่ายตอนครึ่งปีไปแล้ว 10,000 บาท ก็สามารถขอเงิน 5,000 บาท ที่ชำระภาระเกินไว้ได้เหมือนกัน


ภาษีครึ่งปี 2563 ไม่ยื่นได้ไหม
สำหรับใครที่เข้าเกณฑ์ต้องยื่นภาษีครึ่งปี ถ้าถามว่าไม่ขอยื่นได้ไหม ไปยื่นตอนสิ้นปีครั้งเดียวเลยได้หรือเปล่า ต้องบอกตรง ๆ เลยว่า "ไม่ได้" ซึ่งหากกรมสรรพากรตรวจพบว่าไม่ชำระภาษี จะมีบทลงโทษเป็นเงินส่วนเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ค้างจ่าย (เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน) และโทษปรับอีกไม่เกิน 2,000 บาท อีกด้วย

 

ที่มา kapook.com