การจัดการสินค้าคงคลังบบทันเวลาพอดี Just In Time (JIT)

        การประกอบธุรกิจ เรื่องของต้นทุน เวลา กระบวนการ และความผิดพลาดในงาน เป็นสิ่งที่สำคัญ ในการกำหนดทิศทางของธุรกิจให้เป็นไปในทางที่ดี และมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับระบบการจัดการสินค้าคงคลังแบบทันเวลาพอดี Just In Time (JIT) ที่จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปในทิศทางที่ดีมากยิ่งขึ้น ที่เราจะมาแบ่งปันสาระน่ารู้ และอธิบายให้ทุกคนเข้าใจในวันนี้กัน  

Just In Time คืออะไร

        ระบบการจัดการสินค้าคงคลังแบบทันเวลาพอดี หรือ Just In Time เป็นระบบที่จะเข้ามาช่วยให้การดำเนินงานต่างๆภายในองค์กรมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้คือระบบที่จะช่วยให้ค่าใช้จ่าย และต้นทุนด้านเวลาน้อยที่สุด ปัญหาในกระบวนการการผลิตน้อยที่สุด โดยต้องอาศัยการคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงการทำงานทาง Supply Chain ต่างๆที่แม่นยำแบบเรียลไทม์ จึงอาจเป็นหลักการในอุดมคติที่เป็นที่รู้จักในหลายๆองค์กร  

คำจำกัดความของ Just In Time

        การผลิตหรือการส่งมอบ สินค้าหรือบริการ รวมถึงการใช้วัตถุดิบ ปริมาณการผลิต และเวลาในการผลิต ตามความต้องการของลูกค้า โดยที่วัตถุดิบ (Raw Material) งานระหว่างทำ (Work In Process) สินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods) กลายเป็นศูนย์ หรือไม่มีสินค้าคงคลังนั้นเอง โดยมีวัตถุประสงค์ในการผลิตแบ่งเป็นแบบดึงเข้า และแบบผลักออก

คำจำกัดความตามกลยุทธแบบดึงของ Just In Time

        การผลิตสินค้าตามข้อมูลความต้องการที่เกิดขึ้นจริงของลูกค้า โดยทำหน้าที่จัดการการผลิต กำหนดปริมาณการผลิต เวลาการดำเนินงาน และต้นทุนต่างๆ และถ่ายทอดสินค้าไปยังตลาดสินค้าพอดีกับความต้องการที่เกิดขึ้น

คำจำกัดความตามกลยุทธแบบผลักของ Just In Time

สินค้าหรือบริการ ที่มีปริมาณการผลิตที่ได้จากการพยากรณ์หรือคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าที่จะเกิดขึ้น โดยคาดการณ์จากหลักการดังต่อไปนี้

  • Zero Inventory หรือวัสดุคงคลังอยู่ในระดับน้อยที่สุดหรือเท่ากับศูนย์
  • Zero Lead time หรือระยะเวลาการรอคอยกระบวนการผลิต ลดให้เหลือน้อยที่สุด
  • Zero Failures หรือขจัดปัญหาหรือของเสียที่เกิดขึ้นจากการผลิต
  • 7 Waste หรือขจัดความสูญเปล่าในการผลิต ได้แก่ การผลิตที่มากเกินไป การรอคอย การขนส่งเกินความจำเป็น กระบวนการผลิตที่ขาดประสิทธิภาพ การมีวัสดุหรือสินค้าคงคลังเกินความจำเป็น การเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น การผลิตของเสียหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน 

ข้อดี-ข้อเสียของ Just In Time

ข้อดีของ Just In Time

  1. การลดสินค้าคงคลัง และค่าใช้จ่ายในการจัดการสินค้าคงคลัง

  2. การควบคุมการผลิตดีได้มากยิ่งขึ้น สินค้ามีคุณภาพสูงขึ้น และของเสียในการผลิตน้อยลง

  3. การตอบสนองความต้องการของตลาดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะมีการคาดการณ์ที่ถูกต้องและแม่นยำ ทำให้สินค้ามีพอดีกับความต้องการต่างๆ

  4. ผู้ประกอบการมีกระแสเงินสดที่ดีขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องลงเงินก้อนใหญ่กับค่าใช้จ่ายต่างๆ และนำเงินทุนมาใช้หมุนเวียนภายในธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น

ข้อเสียของ Just In Time

  1. สินค้ามีความเสี่ยงที่จะขาดตลาด เนื่องจากความคลาดเคลื่อนในการคาดการณ์ความต้องการสินค้าของลูกค้า ทำให้เสียโอกาสในการขายสินค้าต่างๆไป

  2. อาจก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กร เช่นการไม่มีสินค้าคงคลังสำรอง ทำให้คนงานต่องหยุดการทำงาน

สิ่งที่สำคัญในการจัดทำ Just In Time

การรวบรวมข้อมูล และวางแผนระบบในการทำงาน Just In Time

        การรวบรวมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับระบบการทำงาน และระบบการผลิตสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้การเริ่มต้นระบบ Just In Time ทำได้ง่าย ถูกต้อง และแม่นยำมากยิ่งขึ้น อาจใช้ lean process กำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกก่อน เพื่อให้การวางแผนการทำงานหรือคาดคะเนต่างๆ และพัฒนาแผนการผลิตสินค้า เป็นไปในทิศทางที่แม่นยำมากที่สุด

การสื่อสารภายในองค์กร เกี่ยวกับแผนและระบบ Just In Time

        ระบบที่ดีขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ซึ่งการสื่อสารที่ดี รวมถึงการกำหนดทิศทางขององค์กรจะช่วยให้การทำงานของบุคลากรภายในองค์กรราบรื่น เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

การรวบรวมข้อมูล และการคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าในระบบ Just In Time

        การคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้ถูกต้องแม่นยำ เป็นหัวใจสำคัญของระบบ Just In Time ซึ่งจำเป็นที่จะต้องอาศัยการรวบรวมข้อมูลทั้งจากภายในองค์กร เช่น ระบบสต๊อกสินค้า ข้อมูลการสั่งซื้อย้อนหลัง ข้อมูลพนักงานที่เกี่ยวข้อง และรวบรวมข้อมูลสถานการณ์ความต้องการภายนอกองค์กร เช่น ความต้องการสินค้าในอุตสาหกรรมนั้นๆ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เป็นตัวกำหนดทิศทางการคาดการณ์ให้ดีได้อีกด้วย

การประเมินประสิทธิภาพระบบงาน Just In Time

        เมื่อเข้าสู่ระบบ Just In Time การวัดและประเมินผลของงานเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ทราบประสิทธิภาพงานที่แท้จริง รวมถึงการนำจุดด้อยไปปรับปรุงให้ดีขึ้นอีกด้วย        ระบบ Just In Time จะช่วยให้การดำเนินงานในการผลิตและการบริการ มีค่าใช้จ่ายลดลง ใช้เวลาลดลง และกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นในการดำเนินการออก จากการรวบรวมข้อมูลและคาดการณ์ที่มีความถูกต้อง แม่นยำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานต่างๆให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบธุรกิจ พ่อค้า แม่ค้า ที่ควรทำการศึกษา และทำความเข้าใจ ให้ธุรกิจที่กำลังดูแลมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ที่มา www.cplinter.com  

หัวข้ออื่นที่น่าสนใจ