หากเกิดเหตุการณ์ใช้งานโปรแกรมอยู่แล้วข้อมูลที่บันทึก หรือไฟล์ที่บันทึกไม่สามารถเปิดใช้งานได้ หรือติดการเข้ารหัส อาจเกิดจากการท่านโดนไวรัส Ransomware หรือ “ไวรัสเรียกค่าไถ่เข้าแล้ว” โดยข้อความเรียกค่าไถ่จะแสดงขึ้นหลังไฟล์ถูกเข้ารหัสเรียบร้อยแล้ว จำนวนเงินเรียกค่าไถ่ก็จะแตกต่างกันไป ซึ่งการติดตามตัวคนร้าย ทำได้ยากมาก วันนี้จึงมีความรู้ดีดีมาฝากทุกท่านให้รู้ทันไวรัสตัวนี้กันค่ะ
สาเหตุที่ทำให้พบ “ไวรัส เรียกค่าไถ่”
-
เปิดไฟล์ที่ได้รับจากช่องทาง E-mail ซึ่งอาจจะมาในรูปแบบไฟล์ .zip หรือ .rar ที่แนบมาจากเมล์ที่ได้รับ
-
ผู้ใช้งานดาวโหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
-
เปิดโฆษณาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
วิธีป้องกัน “ไวรัส เรียกค่าไถ่”
-
ติดตั้งโปรแกรมป้องกันมัลแวร์ (Anti-malware) ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์
-
อัพเดตโปรแกรม Software ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
-
ดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
-
อย่าลืมสำรองข้อมูล (Backup) อย่างสม่ำเสมอ
-
ตรวจสอบอีเมล์ที่ได้รับก่อนเปิดอ่านอยู่เสมอ
-
หลีกเลี่ยงการติดตั้งโปรแกรม หรือ Software ต่างๆ ที่มีCrack หรือ Cracked Software ที่ไม่น่าไว้ใจ
-
ตั้งค่าปรับเปลี่ยนระบบป้องกันสแปมภายในอีเมลล์
-
เปิดโหมด Read-only ให้กับไฟล์สำคัญ ๆ
-
หมั่นติดตามข่าวสารอยู่เสมอให้รู้เท่าทันภัย
-
หาฝ่ายดูแลด้าน IT Security ที่ไว้ใจได้มาช่วยดูแลข้อมูล
หากเกิดเหตุการณ์ โดนไวรัสเรียกค่าไถ่แล้วควรทำอย่างไรดี ?
เมื่อการ ป้องกันไวรัส Ransomware ไม่ได้ผล หรือโดนไวรัสเข้าแล้ว ไม่แนะนำให้ให้จ่ายเงินค่าไถ่ เนื่องจากอาจไม่ได้ไฟล์คืนแล้ว ยังอาจเสียเงินฟรีอีกด้วย ดังนั้นควรกันไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย ซึ่งควรลองแก้ไขด้วยวิธีอื่นดูก่อนแต่ก็มีโอกาสที่จะแก้ไขไม่ได้ ดังนั้นเราจึงมีวิธีแก้ไขเบื้องต้นมาฝากกัน
-
ติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ หากติดเข้าไปแล้ว อย่างแรกควรปิดอินเทอร์เน็ตก่อน จากนั้นก็ดึงอุปกรณ์เก็บข้อมูลเสียก่อน เสร็จแล้วให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคติดตามต่อไป
-
ใช้ System Restore กู้ข้อมูลไฟล์ ที่ก่อนจะโดนเล่นงานคืนได้ แต่วิธีนี้ใช่ว่าจะได้ผลเสมอไป เพราะมัลแวร์ประเภทนี้ หลัง ๆ เก่งขึ้น มาสามารถไล่ลบ system recovery point ของระบบได้ด้วย
-
Format ล้างเครื่องแบบเต็มสูบถือเป็นวิธีสุดท้ายจริง ๆ หากที่ว่ามาทั้งหมดไม่ได้ผล หรือได้ผลบ้าง แต่บางส่วนช่วยไม่ทัน และเหลือค้างไว้ ให้เอาไฟล์ที่กู้ได้ มาเก็บไว้ในสื่อบันทึกข้อมูลอื่นก่อน จากนั้นก็จัดการล้างคอมพิวเตอร์ให้หมดแล้ว ค่อยย้ายลงไปใหม่ตามท้าย