Shelf tag หรือป้ายสินค้า มีประโยชน์อย่างไร

Shelf tag หรือป้ายสินค้าที่ติดอยู่บนชั้นวางในห้างสรรพสินค้า มีประโยชน์สำหรับทั้งลูกค้าและธุรกิจ ดังนี้:

1.ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น : ข้อมูลที่ชัดเจน ชื่อสินค้า ราคา และส่วนลด ช่วยให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบและตัดสินใจซื้อสินค้าได้อย่างรวดเร็ว

2.ช่วยในการส่งเสริมการขาย : การแสดงโปรโมชั่น ส่วนลด และข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมบน Shelf tag ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจสินค้าและเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น

3.ช่วยในการจัดการสต็อกสินค้า : Shelf tag ที่มีรหัสสินค้า (SKU) และบาร์โค้ด (Bar Code) ช่วยให้พนักงานสามารถจัดการสินค้าคงคลัง ตรวจสอบจำนวนสินค้าที่เหลือ และติดตามการเคลื่อนไหวของสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4.ช่วยในการการจัดการสินค้าบนชั้นวาง : Shelf tag ช่วยให้พนักงานสามารถจัดเรียงสินค้าบนชั้นวางตามลำดับที่กำหนดไว้ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้าในร้าน

5.ช่วยในการตรวจสอบราคาสินค้า อายุสินค้า และจำนวนที่วางขาย : Shelf tag จะช่วยให้พนักงานที่ดูแลต้องหมั่นเดินตรวจชั้นวางสินค้า เพื่อดูสภาพปัจจุบันของสินค้า เพื่อให้มีสินค้าคุณภาพพร้อขายเสมอ

 

Shelf tag ควรมีข้อมูลต่อไปนี้

1.ชื่อสินค้า (Product Name) : ชื่อที่ชัดเจนและสั้นของสินค้า เพื่อให้ลูกค้ารู้ว่าสินค้านั้นคืออะไร

2.รหัสสินค้า (Product Code or SKU) : รหัสประจำตัวของสินค้า ใช้ในการติดตามและจัดการสินค้าคงคลัง

3. ราคา (Price) : ราคาขายปลีกที่ชัดเจน อาจมีการระบุทั้งราคาปกติและราคาพิเศษหากมีการลดราคา

4. หน่วยสินค้า (Unit) : หน่วยการวัดหรือปริมาณของสินค้า เช่น ขวด, กระป๋อง, กิโลกรัม เพื่อให้ลูกค้าทราบปริมาณของสินค้าที่จะได้รับ

5. บาร์โค้ด (Barcode) : บาร์โค้ดที่ใช้สำหรับการสแกนเพื่อขายสินค้าและจัดการสต็อก

6. ขนาด หรือ สี สินค้า (Size / Color) : เพื่อบ่งบอก ถึงรายละเอียดที่ชัดเจน

7. แบรนด์ (Brand) : ชื่อแบรนด์ของสินค้า ซึ่งช่วยในการสร้างความน่าเชื่อถือและความคุ้นเคย

8. รหัสหมวด (Department) : รหัสหมวดสินค้า เพื่อทราบชัดเจนว่า พนักงานส่วนใดรับผิดชอบกาจัดวางสินค้านี้

9. ส่วนลดหรือโปรโมชั่น (Discount or Promotion) : หากมีการจัดโปรโมชั่น ควรระบุส่วนลดหรือรายละเอียดโปรโมชั่นบนแท็ก

10. วันหมดอายุ (Expiry Date) หรือ อายุสินค้า : หากเป็นสินค้าที่มีวันหมดอายุ ควรระบุวันหมดอายุหรือคำเตือนเกี่ยวกับอายุการใช้งาน หรือ อายุสินค้านั้น

11. ตำแหน่งสินค้าบนชั้นวาง (Placement) : เพื่อให้ถูกต้องตามผังที่วางไว้ และกรณีถูกสลับตำแหน่งจะสามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว โดยระบุทั้ง Shelf/ชั้น/ลำดับที่

12. จำนวนขาแสดงสินค้า (Faceing) : เพื่อให้จำนวนเพียงพอและดึงดูดให้สนใจซื้อ อีกทั้งจำนวนเหมาะสมในการเติมสินค้า

13. วันเดือนปีที่ปรับปรุงราคา(Last Update) : เพื่อทราบวันเดือนปี ที่มีการปรับปรุงป้ายราคาครั้งสุดท้าย

14. ข้อมูลเพิ่มเติม (Additional Information) : ข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจมีความสำคัญ เช่น ความเหมาะสมสำหรับการใช้งาน คำเตือนพิเศษ หรือข้อมูลด้านสุขภาพ หรือ ลำดับสำคัญสินค้า ABC เพื่อเตือนไม่ให้ขาด

 

Bplus Bbarcode ช่วยท่านจัดการ Shelf Tag อย่างมืออาชีพ พร้อมให้บริการลูกค้าของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

POS Software, Software POS,โปรแกรม Point of sale,โปรแกรม POS,โปรแกรมขายของชํา,โปรแกรมขายหน้าร้าน,โปรแกรมขายหน้าร้าน pos,โปรแกรมคิดเงิน,โปรแกรมคิดเงินร้านค้า,โปรแกรมแคชเชียร์,โปรแกรมร้านค้าส่ง,โปรแกรมร้านสะดวกซื้อ,ระบบ POS,ระบบ POS ราคา, โปรแกรมร้านค้าปลีก,ระบบ pos ร้านค้าปลีก,ระบบเก็บเงินร้านค้า,ระบบขายหน้าร้าน,ระบบคิดเงิน POS,ระบบคิดเงินร้านค้า,ระบบจัดการร้านค้า
POS Software, Software POS,โปรแกรม Point of sale,โปรแกรม POS,โปรแกรมขายของชํา,โปรแกรมขายหน้าร้าน,โปรแกรมขายหน้าร้าน pos,โปรแกรมคิดเงิน,โปรแกรมคิดเงินร้านค้า,โปรแกรมแคชเชียร์,โปรแกรมร้านค้าส่ง,โปรแกรมร้านสะดวกซื้อ,ระบบ POS,ระบบ POS ราคา, โปรแกรมร้านค้าปลีก,ระบบ pos ร้านค้าปลีก,ระบบเก็บเงินร้านค้า,ระบบขายหน้าร้าน,ระบบคิดเงิน POS,ระบบคิดเงินร้านค้า,ระบบจัดการร้านค้า