• ฝ่ายขาย 092-345-3681, 085-234-5980
  • ฝ่ายบริการ 0-2880-8800, 0-2409-5409
businessplus
businessplus
  • รายการจำนวนจำนวนเงิน
    ไม่มีรายการ
    สั่งซื้อสินค้า
    • รายการจำนวนจำนวนเงิน
      ไม่มีรายการ
      สั่งซื้อสินค้า
    1. ข่าวสาร
    2. ERP&MRP
    3. Financial ratio analysis

    Financial ratio analysis

    17 June 2022  View 57

    ข้อมูลทางการเงินของธุรกิจมักประกอบไปด้วยข้อมูลย่อยๆ จำนวนมาก การลงไปดูข้อมูลย่อยๆ ทีละตัวอาจทำให้ตาลายและหลุดการวิเคราะห์ของภาพใหญ่ไปได้ง่ายๆ และนี่ก็ยิ่งยากต่อการเปรียบเทียบลักษณะทางการเงินของบริษัท

    ความวุ่นวายนี้ทำให้มีการคิดค้นสิ่งที่เรียกว่า “อัตราส่วนทางการเงิน” ขึ้นมา เพื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจหนึ่งๆ เข้าใจสถานะทางการเงินได้ง่าย และรวดเร็ว 

    อัตราส่วนทางการเงิน 

    อัตราส่วนทางการเงิน เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์งบการเงิน เพื่อให้ได้ตัวเลขที่สามารถนำมาใช้วิเคราะห์สุขภาพทางการเงินของกิจการ ทำให้เห็นภาพรวมของกิจการ อัตราส่วนทางการเงิน  คือการนำข้อมูลจากงบการเงินตั้งแต่ 2 รายการขึ้นไป มาสร้างความสัมพันธ์กัน เพื่อเข้าใจถึงสภาพการณ์ทางการเงินที่แท้จริง

    การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน (Financial ratio analysis) เป็นการนำข้อมูลอัตราส่วนทางการเงินมาวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของธุรกิจ และข้อเท็จจริงของธุรกิจ เพื่อใช้ตัดสินใจทางการเงินได้อย่างมีเหตุผล  โดยนำตัวเลขอัตราส่วนทางการเงินมาเปรียบเทียบกัน  เพื่อสามารถมองเห็นปัญหาทางการเงินและปัญหาอื่นๆ ที่ธุรกิจกำลังเผชิญอยู่ การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินทำให้ทราบว่าอะไรคือสาเหตุของปัญหา และ อะไรคือเครื่องแสดงอาการของปัญหาเหล่านั้น เพื่อจะได้หาทางแก้ไขปัญหาให้ตรงประเด็น ในการนำอัตราส่วนทางการเงินมาเปรียบเทียบกันนั้น จะมีการเปรียบเทียบใน 2 ลักษณะคือ

    1.เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน (ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม) เรียกว่า Cross section analysis

    2.เปรียบเทียบผลการดำเนินงานของบริษัทในปัจจุบันกับอดีตเพื่อพยากรณ์ แนวโน้มในอนาคต เรียกว่า Time series analysis

    ทั้งนี้อัตราส่วนทางการเงินนั้นมีเยอะมาก เรียกได้ว่ามีเป็นสิบๆ ตัว แต่อัตราส่วนทางการเงินที่นิยมนำมาใช้พิจารณาอยู่ 5 อัตราส่วน ดังนี้

    อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio)

    อัตราส่วนสภาพคล่องเกิดจากการเอาสินทรัพย์หมุนเวียนของบริษัทมาหารกับหนี้สินหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งถ้าจะอธิบายง่ายๆ คือมันใช้ชี้วัดความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นของบริษัท ถ้าได้ค่าสูงกว่า 1 แสดงว่าบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากกว่าหนี้สินหมุนเวียน หมายความว่าบริษัทมีสภาพคล่องสูง ไม่มีปัญหาการชำระหนี้ระยะสั้น แต่ถ้าค่าต่ำกว่า 1 ก็อาจแสดงว่าบริษัทมีปัญหาสภาพคล่อง เป็นต้น

    วิธีแก้นั้นก็อาจจะต้องลดอัตราการลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาวลง ถือสินทรัพย์หมุนเวียนให้มากขึ้น หรือลดการเพิ่มทุนโดยการใช้แหล่งเงินกู้ระยะสั้นเพื่อลดหนี้สินหมุนเวียน

    อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)

    อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ Debt to Equity Ratio คือการเอาหนี้ของบริษัททั้งหมดมาหารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมด ซึ่งอัตราส่วนนี้เป็นอัตราส่วนที่ใช้วัดระดับหนี้ของบริษัทจากสินทรัพย์ทั้งหมด โดยธุรกิจทั่วไปจะถือว่าอัตราส่วนนี้ไม่ควรจะสูงกว่า 2 พูดง่ายๆ คือหนี้ทั้งหมดที่บริษัทมีไม่ควรจะสูงเกินทุนพื้นฐานของบริษัทเอง

    ค่าตรงนี้มีความสำคัญพอตัว ทั้งในมุมของการประเมินของสถาบันการเงินหรือนักลงทุน เพราะธุรกิจที่มีสินทรัพย์โตขึ้นเรื่อยๆ นั้น ไม่ได้สื่อถึงการเติบโตอย่างมีคุณภาพเสมอไป เพราะบริษัทอาจทำการกู้เงินทั้งระยะสั้นและยาวมาขยายสินทรัพย์ไปเรื่อยๆ ก็ได้ ซึ่งถ้าบริษัททำแบบนี้ สิ่งที่สะท้อนมาก็คือค่า D/E ของบริษัทจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป หรือพูดง่ายๆ ก็คือบริษัทที่ค่า D/E โตขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจจะโตขึ้น รายได้จะมากขึ้น แต่ก็มีสัญญาณอันตรายของธุรกิจอยู่ เพราะธุรกิจกำลังโตด้วยการขยายหนี้

    อัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สิน (ROA)

    อัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สิน หรือ Return on Asset เกิดจากการเอารายได้สุทธิของบริษัทมาหารกับสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท อัตราส่วนนี้ใช้ชี้วัดว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการสร้างรายได้จากสินทรัพย์ที่มี แค่ไหน ซึ่งก็ชัดเจนว่าค่าตรงนี้ยิ่งมาก ก็ยิ่งดี

    อย่างไรก็ดี ข้อพึงระวังก็คือ การเทียบ ROA ให้เหมาะสม ต้องเป็นการเทียบภายในอุตสาหกรรมเดียวกัน และบริษัทที่เทียบต้องมีระดับการโตของธุรกิจพอๆ กัน เนื่องจากค่า ROA ของแต่ละธุรกิจมีความแตกต่าง กันมาก และพร้อมกันนั้น ค่า ROA ของบริษัทที่อยูในคนละขั้นของการเติบโตก็ต่างกันเช่นกัน

    อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE)

    อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น หรือ Return on Equity ก็เกิดจากการเอารายได้สุทธิของบริษัทมาหารกับส่วนของผู้ถือหุ้น มันเป็นอัตราส่วนที่ใช้ในการวัดความคุ้มทุนของเงินทุนที่ผู้ถือหุ้นเอาลงไปในธุรกิจ แน่นอนว่าค่ายิ่งมากก็ยิ่งดี เพราะหมายความว่าธุรกิจนั้นๆ เอาเงินทุนที่หุ้นส่วนธุรกิจลงเงินไป มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

    อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และ อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)

    ค่าอัตรากำไรขั้นต้น เกิดจากการเอากำไรขั้นต้นมาหารด้วยยอดขายแล้วคูณด้วย 100 (ค่าออกมาเป็น %) และอัตรากำไรสุทธิก็คือการเอากำไรสุทธิมาหารด้วยยอดขายแล้วคูณด้วย 100 สองค่านี้มีหน้าที่คล้ายๆ กันคือ ใช้วิเคราะห์อัตราผลกำไรของธุรกิจ ซึ่งตัวเลขยิ่งเยอะก็ยิ่งดี

    แต่อัตราส่วนทั้งสองนี้ก็เป็นการบ่งชี้สัญญาณอันตรายได้ด้วย เช่น ถ้าบริษัท A มีรายได้มากขึ้นเรื่อยๆ มีกำไรมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อัตรากำไรขั้นต้นกลับค่อยๆ ลดลงช้าๆ เป็นข้อบ่งชี้ว่าธุรกิจอาจมีปัญหาบางอย่างแล้ว เพราะอัตรากำไรลดลง ทางผู้บริหารก็ต้องลงไปดูในรายละเอียดต่างๆ ของงบการเงินว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งกรณีนี้อาจเป็นได้ว่าเกิดจากการที่ต้นทุนการขายนั้นขยายตัวไปเร็วกว่ายอดขาย ทางผู้บริหารต้องพิจารณาปรับรายละเอียดของต้นทุนการขายให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้มันโตไปเร็วกว่ายอดขาย เป็นต้น

    จะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก ทั้งจากมุมของนักบริหาร นักลงทุน และสถาบันทางการเงินภายนอกที่จะให้สินเชื่อหรือเงินกู้ มันเป็นสิ่งที่จะทำให้เรามองภาพของธุรกิจในแง่มุมที่เราต้องการได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้น มันก็เป็นตัวช่วยในการเช็คความผิดปกติต่างๆ ที่เราจะมองไม่เห็นถ้าไม่มองเป็นอัตราส่วน เช่น ถ้าดูงบการเงินแบบเร็วๆ เราอาจจะเห็นยอดขายก็โตขึ้น กำไรก็โตขึ้น แต่มาดูดีๆ ผ่านการทำเป็นอัตราส่วนทางการเงิน เราอาจพบว่าอัตรากำไรลดลง แล้วมารื้อดูต่อ เราก็อาจพบว่าค่า D/E เพิ่มขึ้น นี่อาจทำให้เราฉุกคิดว่ามันมีอะไรผิดปกติ หากสำรวจดูอาจพบว่าบริษัทไปกู้เงินมาเพื่อเป็นงบในการส่งเสริมการขาย ซึ่งผลก็คือทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่อัตราผลกำไรลดลง ซึ่งก็แน่นอนว่านี่เป็นตัวบ่งชี้พื้นฐานว่าการโตของบริษัทเป็นการโตที่ไม่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น

    ที่มา https://sme.krungthai.com/sme/productListAction.action?command=getDetail&cateMenu=KNOWLEDGE&cateId=45&itemId=287

    ตารางสรุป อัตราส่วน ทางการเงิน

    • อัตราส่วนสภาพคล่อง (Liquidity Ratios)
    • อัตราส่วนโครงสร้างทางการเงิน (Leverage Ratios)
    • อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร (Profitability Ratios)
    • อัตราส่วนประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ (Assets Management Ratios)
    • อัตราส่วนมูลค่าทางการตลาด (Marker Value Ratios)

    รายละเอียดเพิ่มเติม

    • ตารางสรุป-อัตราส่วน-ทางการเงิน
    • การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน
    • สูตรสำเร็จตรวจเช็กสุขภาพการเงินธุรกิจ

    อ้างอิง https://classic.set.or.th/dat/vdoArticle/attachFile/AttachFile_1472551305959.pdf

    บทความที่น่าสนใจ

    บริหารยอดขายพุ่ง ดูกำไรขาดทุนให้เป็น  
    บริหารยอดขายพุ่ง ดูกำไรขาดทุนให้เป็น
    10 วิธีคิดเพื่อเป็นนักธุรกิจร้อยล้าน  
    10 วิธีคิดเพื่อเป็นนักธุรกิจร้อยล้าน
    สูตรสำเร็จตรวจเช็กสุขภาพการเงินธุรกิจ  
    สูตรสำเร็จตรวจเช็กสุขภาพการเงินธุรกิจ

    สินค้าอื่นๆ

    Business Plus ERP สำหรับธุรกิจเครื่องเขียน  

    Business Plus ERP สำหรับธุรกิจเครื่องเขียน

    BUSINESS PLUS ERP สำหรับธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง  

    BUSINESS PLUS ERP สำหรับธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง

    BUSINESS PLUS ERP สำหรับธุรกิจแฟชั่น  

    BUSINESS PLUS ERP สำหรับธุรกิจแฟชั่น

    Business Plus ERP  

    Business Plus ERP

    สมัครสมาชิก

    ลงชื่อเข้าใช้งาน

    เข้าสู่ระบบ

    สร้างบัญชีใหม่ | ลืมรหัสผ่าน ?

    นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับนโยบาย

    Business Plus

    บริษัท อี-บิซิเนส พลัส จำกัด และ บริษัท บิซิเนส แอนด์ เทคโนโลยี่ จำกัด มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์ บริการ บุคลากร อย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า

    ติดต่อสอบถามได้ที่
    • ฝ่ายขาย: 092-345-3681, 085-234-5980
    • ฝ่ายบริการ: 0-2880-8800, 0-2409-5409
    • อีเมล์: allsales@businessplus.co.th

    แผนที่

    12-14 ซอย บรมราชชนนี 39 แขวง ตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170

    มั่นใจในคุณภาพ

    CERTIFICATE ISO 9001:2015ต่อเนื่องจากการได้รับการรับรอง ISO9001:2008 และ ISO9001:2000
    CERTIFICATE ISO 9001:2015, 2008, 2000

    CERTIFICATE ISO 9001:2015 มาตรฐาน UKAS จาก BM TRADA REGISTRAR THAILAND Co.,Ltd. ต่อเนื่องจากการได้รับการรับรอง ISO9001:2008 และ ISO9001:2000

    Certificate of TQS / ISO15504 รับรองมาตรฐานการผลิตคุณภาพซอฟต์แวร์
    Certificate of TQS / ISO15504

    Certificate of TQS / ISO15504 รับรองมาตรฐานการผลิตคุณภาพซอฟต์แวร์

    ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ISO/IEC 29110 : 2011 จาก TUV NORD
    ISO/IEC 29110 : 2011 จาก TUV NORD

    มาตรฐานสากลด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ (TUV NORD)

    CMMI Level 3
    CMMI Level 3

    มาตรฐาน CMMI Level3

    Thailand Software Yes
    Thailand Software Yes

    ตราสัญลักษณ์ Thailand Software Yes

    CERTIFICATE ISO/IEC 29110 4-3 Service Delivery
    CERTIFICATE ISO/IEC 29110 4-3 Service Delivery

    CERTIFICATE ISO/IEC 29110 4-3 Service Delivery

    Social Media

    • Bplus HRM โปรแกรมเงินเดือนสำเร็จรูป
    • Business Plus ERP MRP
    • โปรแกรมขายหน้าร้าน Business Plus POS
    • Business Plus Food & Beverage
    • @salebplus
    • @businessplushrm
    มั่นใจในคุณภาพ

    CERTIFICATE ISO 9001:2015ต่อเนื่องจากการได้รับการรับรอง ISO9001:2008 และ ISO9001:2000

    Certificate of TQS / ISO15504 รับรองมาตรฐานการผลิตคุณภาพซอฟต์แวร์

    ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ISO/IEC 29110 : 2011 จาก TUV NORD

    CMMI Level 3

    Thailand Software Yes

    CERTIFICATE ISO/IEC 29110 4-3 Service Delivery


    Copyright © 2021. All rights reserved • คุ้กกี้ • นโยบายส่วนบุคคล • ยกเลิกรับข่าวสาร
    คุณชอบคุกกี้ไหม? 🍪 เราใช้คุกกี้เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา นโยบายการใช้คุกกี้ / เรียนรู้เพิ่มเติม