4 เทคนิคหมุนเงินให้คล่อง สำหรับ SME

 เทคนิคสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่จะช่วยเสริมเงินทุนหมุนเวียนสภาพคล่องให้ไหลลื่นและดีขึ้นมีง่ายๆ 4 ข้อดังนี้

1. รับเงินให้ไว เก็บเงินสด

การขายถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ เงินทุนหมุนเวียนที่ไม่เพียงพอของธุรกิจมักเกิดจากการเปลี่ยนลูกค้าเป็นลูกหนี้การค้า จากที่ลูกค้าซื้อเงินสดเป็นซื้อเงินเชื่อ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการต้องสำรองเงินในส่วนนี้เพื่อใช้หมุนในธุรกิจเพิ่มเติม การขายเป็นเงินสด รับเงินทันทีทำให้สภาพคล่องของธุรกิจไม่ขาดมือ มีเงินสำรองเพียงพอเพื่อไปซื้อสต๊อกสินค้าหรือชำระเจ้าหนี้ และที่สำคัญที่สุดช่วยปิดความเสี่ยงจากการเก็บหนี้ไม่ได้ อาจเริ่มให้รับเงินไวขึ้นเพื่อให้ได้สภาพคล่องมาหมุนได้ดีขึ้น หรือจากที่ผู้ประกอบการเคยให้เครดิตลูกค้า 60 วัน อาจจะเสนอให้ลูกค้าชำระเร็วขึ้นเป็น 30 วัน เพื่อแลกกับการรับส่วนลดเพิ่มอีก 2% 

2. จ่ายเงินให้ช้า ถ้าจ่ายสด ขอส่วนลด  

หากธุรกิจสามารถต่อรองระยะเวลาการจ่ายเงินและบริหารจัดการสภาพคล่องให้ดี ตรงนี้จะถือเป็นข้อได้เปรียบ เพราะผู้ประกอบการสามารถเอาสินค้ามาขาย แต่ยังไม่ต้องจ่ายเงิน การต่อรองกับเจ้าหนี้การค้าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการช่วยขยายเวลาที่เรามีเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ ยิ่งถ้าเราขอเครดิตจากเจ้าหนี้การค้าได้นานเท่าไร เปรียบเสมือนเราได้เงินจากเจ้าหนี้การค้ามาหมุนทำธุรกิจก่อน เช่น ปกติเคยจ่ายเป็นเงินสด และมีประวัติการชำระที่ดีทุกงวด ผู้ประกอบการอาจจะขอ credit term จากเจ้าหนี้การค้าเป็น 30-60 วัน เพื่อเสริมสภาพคล่องของธุรกิจ ในทางกลับกัน ถ้าธุรกิจมีเงินสดเหลือ การขอส่วนลดเงินสดจากเจ้าหนี้การค้าโดยการเจรจาต่อรองว่า หากธุรกิจจ่ายเงินสดทันทีเมื่อซื้อของรอบนี้จะขอลดค่าสินค้าลงอีก 2% ได้ไหม เพื่อทำให้ต้นทุนสินค้าลดลง ส่วนเจ้าหนี้การค้าก็ได้รับเงินสดเร็วขึ้นด้วย

3. หมุนสต๊อกให้เร็ว

ถ้าการจัดการการขาย สร้างยอดขายเป็นเบื้องหน้าที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ การบริหารสต๊อกสินค้าถือเป็นเบื้องหลังของความสำเร็จด้วยเช่นกัน การจัดการสต๊อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพให้สินค้าอยู่กับเราสั้นที่สุด และหมุนเร็วที่สุดจะช่วยให้เงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจไม่ต้องไปจมกับสต๊อกสินค้า ทำให้มีสภาพคล่องในธุรกิจดีขึ้น ตัวอย่างการบริหารสต๊อกสินค้า เช่น 

• การจัดทำประมาณการการขายล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน โดยดูข้อมูลย้อนหลังเมื่อปีก่อนหน้าหรือศึกษาแนวโน้มความนิยมของสินค้าที่ขายในอนาคตว่าจะไปต่อได้หรือไม่ 

• ตรวจสอบสินค้าในคลัง/โกดังอยู่เสมอ ถ้าสินค้าชิ้นไหนเริ่มตกค้างอาจจะนำออกมาขายลดราคา เพื่อนำเงินมาใช้ในธุรกิจ 

• จัดระบบสต๊อกสินค้าให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด เช่น สินค้าที่มีระยะเวลาการจัดเก็บ เรียงแบบมาก่อน ขายก่อน จัดพื้นที่สำหรับสินค้าหลัก สินค้าตกรุ่น ส่วนสินค้าชำรุดอาจจะคืนบริษัทเพื่อให้ได้พื้นที่เพิ่มในการจัดเก็บ

4. เสริมสภาพคล่องผ่านสินเชื่อ

การขอสินเชื่อเสริมสภาพคล่องจากทางธนาคารก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนหมุนเวียนที่มากขึ้น สำหรับบางช่วงที่เงินสดขาดมือ เช่น 

• การขอวงเงินเบิกเกินบัญชี (OD) โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น บ้าน โรงงาน ที่ดิน หรือเงินฝาก เพื่อขอวงเงิน OD ชำระหนี้คู่ค้าทางธุรกิจ จ่ายเงินเจ้าหนี้การค้าให้ทันเวลา 

• ขอตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) ที่มีกำหนดเวลาแน่นอน เช่น 60 วัน หรือ 90 วัน ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อเสริมสภาพคล่องระยะสั้น เมื่อครบกำหนดสัญญาตั๋วใช้เงิน จึงนำเงินมาชำระตามสัญญา หรือหากยังคงต้องการเงินทุนหมุนเวียนอยู่ ผู้กู้สามารถต่อตั๋วสัญญาใช้เงินต่อไปได้


คำแนะนำในเบื้องต้นนี้ ผู้ประกอบการ SME สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองได้ เพราะธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่สามารถดูได้จากยอดขายที่เติบโตเพียงอย่างเดียว ต้องดูเงินสดรับจ่ายด้วยว่ารับมากกว่าจ่าย การเก็บเงินลูกหนี้มีประสิทธิภาพ หมุนสต๊อกสินค้าให้ไวและเหลือสินค้าค้างสต๊อกให้น้อยที่สุด ธุรกิจสามารถต่อรองกับเจ้าหนี้ในการชำระหนี้ได้นาน การบริหารให้ครบทั้ง 3 ด้านเป็นกุญแจสำคัญในการทำธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จ และสุดท้ายหากธุรกิจเกิดขาดสภาพคล่อง การขอสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องกับธนาคารเป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะช่วยต่อลมหายใจไม่ให้ธุรกิจสะดุดและดำเนินต่อไปได้

 

ที่มา www.kasikornbank.com