ทำไมเราถึงต้องปรับตัว และเริ่มที่จะนำ Data เข้ามาใช้กับธุรกิจ

หลายท่านมักคิดว่าการนำเข้ามูล DATA มาใช้นั้นคงเหมาะสำหรับกิจการใหญ่ๆเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ธุรกิจขนาดเล็กก็เข้านำ DATA เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์เช่นเดียวกัน และอาจจะได้เปรียบในเชิงของการนำ DATA มาปรับใช้และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วมากกว่ากิจการขนาดใหญ่เสียอีก เพราะว่ามีความ Agile สูงและขนาดองค์กรไม่ใหญ่มาก เราไปดู เหตุผลหลักๆที่ธุรกิจควรนำ DATA มาใช้ให้เกิดประโยชน์กัน 

1. ช่วยให้เราเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด

          สำหรับธุรกิจขนาดเล็กไปถึงขนาดกลาง Data จะช่วยทำให้เราสามารถเห็นภาพรวมของลูกค้าได้มากขึ้น ว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาชอบ ทำไมพวกเขาถึงเลือกที่จะซื้อ พวกเขามีรูปแบบการเลือกซื้ออย่างไร ทำไมพวกเขาเลือกที่จะเปลี่ยนไปซื้อกับเจ้าอื่น แนวโน้มการซื้อของพวกเขาในครั้งหน้า และปัจจัยใดที่ทำให้พวกเขาแนะนำเรากับคนอื่น
          เจ้าของธุรกิจยังสามารถที่จะนำ Data ไปพัฒนาการโต้ตอบการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาว่าการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบใดที่จะสามารถทำเราปิดการขายได้ดีขึ้น หรือทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อกับธุรกิจของเราในครั้งต่อไป
          ซึ่ง Data ที่ได้มาเหล่านี้ บางอันเราก็แทบไม่ต้องเสียเงินที่จะได้มา แต่กลับมอบข้อมูลที่ให้คุณค่าต่อธุรกิจอย่างมาก อย่างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน ก็มีฟังก์ชันที่ทำให้เราสามารถดู Data ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เราเห็นว่าการทำการตลาดหรือคอนเทนต์แบบไหนที่ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้า แบบใดสร้าง Conversion ได้มากกว่ากัน ทำให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

2. ติดตามเทรนด์ได้อย่างรวดเร็ว

          ยิ่งในปัจจุบันที่เทรนด์ต่าง ๆ ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การที่เราสามารถมอนิเตอร์และรับรู้เทรนด์ได้อย่างรวดเร็วจะช่วยทำให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์ว่าทิศทางของธุรกิจจะเป็นไปในทางใด ความต้องการของลูกค้าจะเปลี่ยนไปอย่างไร และอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น
          ซึ่งก่อนหน้านี้ อย่างที่เรารู้กันดีว่าบางบริษัทก็จะมีการวิเคราะห์เทรนด์จากการคาดเดา และอาจจะมากไปถึงการใช้สัญชาตญาณด้วยซ้ำ แต่ในปัจจุบันนี้เราต้องขอบคุณ Data ที่ทำให้เราไม่ต้องคาดเดามากอย่างแต่ก่อน และยังทำให้การคาดการณ์นั้นแม่นยำขึ้นอีกด้วย พร้อมกับการช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนให้กับธุรกิจ
          อย่างธุรกิจขายปลีก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบออฟไลน์หรือออนไลน์ เราสามารถที่จะวัดผลไปถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลภายนอกว่า ช่วงเวลาไหนของปีที่ลูกค้ามักจะเข้ามาซื้อสินค้ามากที่สุด สภาพอากาศมีผลหรือไม่ที่ทำให้สินค้าขายดีขึ้น หรือมีปัจจัยอื่น ๆ อย่างเหตุการณ์ เทรนด์ หรือปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการมากขึ้นหรือลดลง ทำให้ธุรกิจสามารถที่จะคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าและดูเรื่องความต้องการทางการผลิตสินค้าได้อย่างทันท่วงที

3. ประเมินคู่แข่ง

          ในอดีต การประเมินคู่แข่งก็จะค่อนข้างมีข้อจำกัดมาก ข่าวคราวของบริษัทคู่แข่งก็จะมาจากการเข้าไปสังเกตเว็บไซต์หรือร้านค้า หรือจากคำบอกต่ออีกที แต่ในปัจจุบัน เราแทบจะไม่ต้องลุกออกจากโต๊ะเพื่อที่จะรู้ว่าคู่แข่งของเรากำลังเป็นอย่างไร เราสามารถหาข้อมูลด้านการเงินได้จากบนเว็บไซต์ แพลตฟอร์มอื่น ๆ ก็ยังทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ อย่างความนิยมของแบรนด์และสินค้า การมีส่วนร่วมกับโซเชียลมีเดีย หรือจะเป็นการพูดถึงของลูกค้าต่อแบรนด์นั้น ๆ และมากไปกว่านั้น เรายังสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบกับธุรกิจของเราได้อีกด้วย อย่างเช่น เราสามารถดูได้ว่าเราหรือแบรนด์คู่แข่งเป็นที่พูดถึงมากกว่ากันบนโซเชียลมีเดีย การตลาดของเรากับของแบรนด์คู่แข่งมีความแตกต่างกันอย่างไร ทำให้เราสามารถวิเคราะห์และประเมินได้ว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้ธุรกิจของเรามีความนิยมมากหรือน้อยกว่าแบรนด์คู่แข่ง และเราสามารถปรับปรุงส่วนไหนให้ดีขึ้นได้บ้าง

4. พัฒนาประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน

          Data นั้นยังถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทำงานทางธุรกิจอย่างแพร่หลายมากขึ้นในยุคนี้ เนื่องจากในปัจจุบันเราสามารถที่จะเข้าไปดูข้อมูลการทำงานของระบบ เครื่องมือหรือเครื่องจักรได้ อย่างเช่น เครื่องผลิต ระบบการขนส่ง หรือระบบการสั่งสินค้าของลูกค้า ทำให้เราสามารถที่จะนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ แก้ไขและพัฒนากระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
          สำหรับธุรกิจออนไลน์ที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เราก็อาจจะดูได้ว่า Customer Journey ของลูกค้าเป็นอย่างไร มีอุปสรรคทางด้านระบบอะไรหรือไม่ที่ทำให้ลูกค้าเลือกที่จะไม่ซื้อสินค้า ทำให้เราสามารถที่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนระบบการสั่งสินค้า เพื่อที่จะสามารถปิดการขายได้มากขึ้น
          ในส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง ก็สามารถที่จะนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการปรับเส้นทางขนส่งให้มีความคุ้มค่ามากขึ้น ในขณะที่เส้นทางการขนส่งอาจจะเร็วขึ้น หรือสามารถที่จะติดตามสินค้าได้ว่าอยู่ที่ใดแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงทางด้านต่าง ๆ ของการขนส่งสินค้า และยังเสริมประสิทธิภาพการขนส่งให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
          ซึ่งในปัจจุบันนี้ ธุรกิจใหญ่ ๆ ก็พยายามที่จะผสาน Data กับการทำงานมากขึ้น อย่าง Google, Facebook, Apple และ Amazon ธุรกิจเหล่านี้ล้วนแต่ใช้ Data กันทั้งหมดในการที่จะดูว่าลูกค้าต้องการอะไร พฤติกรรมของลูกค้าเป็นอย่างไร แนวโน้มเทรนด์ในอนาคตจะไปในทิศทางใด จะพัฒนาหรือผลักดันผลิตภัณฑ์ใด หรือควรจะปรับปรุงกระบวนการทำงานตรงส่วนไหน ทำให้ในปัจจุบันหลากหลายธุรกิจไม่สามารถที่จะดำเนินและพัฒนารูปแบบการทำงานโดยปราศจากข้อมูลเหล่านี้ได้เลย เรียกได้ว่าข้อมูลทำให้ทุก ๆ การตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

 

ที่มา https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/data-driven-business By รวิศ หาญอุตสาหะ