การคิดค่าเสื่อมราคาที่สรรพากรกำหนด

รายการ อัตราค่าเสื่อม (%)
1.ที่ดิน ไม่คิดค่าเสื่อมราคา

2.อาคาร

  • อาคารถาวร
  • อาคารชั่วคราว

5% (20 ปี)

100% (1 ปี)

3.ต้นทุนเพื่อการได้มาซึ่งแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สูญสิ้นไปได้ 5% (20 ปี)

4.ต้นทุนเพื่อการได้มาซึ่งสิทะิการเช่า

  • กรณีไม่มีหนังสือสัญญาเช่า/มีหนังสือเช่าที่มีข้อกำหนดให้ต่ออายุการเช่าได้
  • กรณีมีสัญญาเช่าที่ไม่มีกำหนดให้ต่ออายุการเช่าได้
10% (10 ปี)

5.ต้นทุนการได้มาซึ่งสิทธิ กุ๊ดวิลล์ เครื่องหมายการค้า สิทธิประกอบกิจการตามใบอนุญาต สิทธิบัติ ลิขสิทธิ์

  • กรณีไม่จำกัดอายุการใช้
  • กรณีจำกัดอายุการใช้
10% (10 ปี)
6.ทรัพย์สินอย่างอื่น นอกจากที่ดินและสินค้า 20% (5 ปี)

หมายเหตุ

1.อัตรานี้เป็นอัตราขั้นต่ำที่สรรพากรกำหนดขึ้น

2.รถยนต์ไม่เกิน 10 ที่นั่ง สามารถหักค่าเสื่อมราคาได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท (รวม VAT)

 

วิธีการคำนวณค่าเสื่อมราคา (วิธีที่นิยมมากที่สุดคือวิธีการคำนวณค่าเสื่อมราคาแบบเส้นตรง)

1.วิธีการคำนวณแบบเส้นตรง (Straight Line Method)

วิธีนี้เป็นการคำนวณที่จะทำให้ค่าเสื่อมราคาในแต่ละปีนั้นเท่า ๆ กันตามเส้นตรง ยกเว้นปีแรกกับปีสุดท้ายที่จะไม่เต็มปี

   ค่าเสื่อมราคา = (ราคาทุน - มูลค่าคงเหลือ) / อายุการใช้งาน   

ยกตัวอย่าง บริษัท A ซื้อเครื่องจักรมาในราคา 8,000 บาท โดยมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง 2,000 บาท ประมาณการมูลค่าคงเหลือของเครื่องจักรคือ 3,000 บาท และอายุการใช้งานอยู่ที่ 5 ปี

ค่าเสื่อมราคา  = ((8,000+2,000)-3,000) /5
   = 1,400 บาท ต่อปี

 

2.วิธีการคำนวณตามผลผลิต (Unit of Production Method)

การคำนวณค่าเสื่อมราคาวินี้จะขึ้นอยู่กับผลผลิตในแต่ละปี วิธีนี้เหมาะสำหรับสินทรัพย์ที่เสื่อมค่าลงไปตามการใช้งาน

  ค่าเสื่อมราคา = [(ราคาทุน-มูลค่าคงเหลือ) / ปริมาณผลิตทั้งหมด] x จำนวนที่ผลิตได้แต่ละปี  

ยกตัวอย่าง บริษัท B ซื้อเครื่องจักรผลิตจุกนมเด็กมาในราคา 80,000 บาท โดยมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง 20,000 บาท ประมาณการมูลค่าคงเหลือของเครื่องจักรคือ 20,000 บาท และคาดการณ์ยอดผลิตจุกนมเด็กทั้งสิ้นของเครื่องจักรจำนวน 100,000 ชิ้น ในปีปัจจุบันโรงงานสามารถผลิตจุกนมเด็กได้ทั้งหมด 5,000 ชิ้น

ค่าเสื่อมราคา  = [(100,000-20,000)/100,000] x 5,000
   = 4,000 บาท

 

3.วิธีการคำนวณแบบลดลงทวีคูณ (Double Declining Balance Method)

เป็นวิธีที่การคำนวณค่าเสื่อมราคาในช่วงปีแรกๆจะมีจำนวนค่าเสื่อมราคามาก แล้วค่าเสื่อมราคาก็จะทยอยลดน้อยถอยลงไปตามจำนวนปีที่มากขึ้น

   ค่าเสื่อมราคา = มูลค่าทางบัญชี x อัตราค่าเสื่อมราคา x 2   

(มูลค่าทางบัญชี = ราคาทุน - ค่าเสื่อมราคาสะสม,อัตราค่าเสื่อมราคา = 100 / อายุการใช้งานของสินทรัพย์)

ยกตัวอย่าง บริษัท A ซื้อเครื่องจักรมาในราคา 8,000 บาท โดยมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง 2,000 บาท และอายุการใช้งานอยู่ที่ 5 ปี

(ราคาทุน = 8,000 + 2,000 = 10,000 บาท, อัตราค่าเสื่อมราคา = 100 / 5 x 2 = 40%)

ปี มูลค่าตามบัญชียกมา อัตราค่าเสื่อมราคา ค่าเสื่อมราคา มูลค่าตามบัญชียกไป
1 10,000 40 % 4,000 6,000
2 6,000 40 % 2,400 3,600
3 3,600 40 % 1,440 2,160
4 2,160 40 % 684 1,296
5 1,296 40 % 518.4 777.6

ตามวิธีนี้ ณ สิ้นปีที่ 5 ราคาตามบัญชีจะเท่ากับมูลค่าคงเหลือของสินทรัพย์

 

4.วิธีการคำนวณแบบผลรวมจำนวนปี (Sum of the Year Digit)

วิธีการคำนวณค่าเสื่อมราคาแบบนี้หลักการจะคล้ายกับแบบลดลงทวีคูณกล่าวคือในปีแรกๆจะมีการคิดค่าเสื่อมราคามากและค่าเสื่อมราคาจะทยอยลดลงในปีท้ายๆ

   ค่าเสื่อมราคา = (ราคาทุน - มูลค่าคงเหลือ) x (จำนวนปีที่เหลือ/ผลรวมจำนวนปี)   

ยกตัวอย่าง บริษัท C ซื้อเครื่องจักรมาในราคา 35,000 บาท ประมาณอายุการใช้งาน 5 ปี และกำหนดให้มีมูลค่าคงเหลือ 2,000 บาท

ปี ราคาที่ใช้คำนวณ ค่าเสื่อมราคา
1 33,000 x 5/15 11,000
2 33,000 x 4/15 8,800
3 33,000 x 3/15 6,600
4 33,000 x 2/15 4,400
5 33,000 x 1/15 2,200
15 5/15 33,000

 

ผลกระทบต่องบการเงิน

ยกตัวอย่าง บริษัท B ซื้อรถยนต์มาในราคา 1,000,000 บาท โดยมีค่าใช้จ่าย ในการนำเข้า 300,000 บาทประมาณการมูลค่าคงเหลือของรถยนต์คือ 200,000 บาท และประมาณอายุการใช้งานอยู่ที่ 10 ปี (วิธีเส้นตรง)

ค่าเสื่อมราคา  = ((1,000,000 +300,000) - 200,000) / 10
   = 110,000 บาท ต่อปี

 

ผลกระทบต่องบการเงินในแต่ละกรณี

1.สมมุติว่าผู้ถือหุ้นชำระทุนจดทะเบียนเข้าไปในบริษัทจำนวน 1,500,000 บาท

   งบแสดงฐานะการเงิน : สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ   

  สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของเจ้าของ
  เงินสด   ทุน
(1) 1,500,000   1,500,000

 

2.หลังจากนั้นบริษัทได้ซื้อรถยนต์เข้ามา ตามโจทย์ข้างต้น (สมมติว่าซื้อมาตอนต้นปี)

   งบแสดงฐานะการเงิน : สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ  

  สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของเจ้าของ
  เงินสด อุปกรณ์   ทุน
(1) 1,500,000     1,500,000
(2) (1,300,000) 1,300,000    
รวม 200,000 1,300,000   1,500,000

 

3.บันทึกค่าเสื่อมราคา ณ สิ้นปีที่ 1

   งบแสดงฐานะการเงิน : สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ   

  สินทรัพย์ ส่วนของเจ้าของ
  เงินสด อุปกรณ์ ทุน กำไรสะสม
(1) 1,500,000   1,500,000  
(2) (1,300,000) 1,300,000    
(3)   (101,000)   (101,000)
รวม 200,000 1,300,000 1,500,000 (101,000)

หมายเหตุ : (110,000) มาจากงบกำไรขาดทุนรายการกำไร (ขาดทุน)

เมื่อบริษัทซื้อสินทรัพย์มา (มีอายุการใช้งานมากกว่า 1 ปี และมีมูลค่าสูง)

  • บริษัทไม่สามารถรับรู้ป็นค่าใช้จ่ายทั้งจำนวนได้ ต้องทยอยรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายในรูปของค่าเสื่อมราคา
  • ตามหลักบัญชีแล้วจะต้องทยอยตัดเป็นค่าใช้จ่ายตามอายุการใช้ประโยชน์ของสินทรัพย์

กรมสรรพากรได้กำหนดอัตราค่าเสื่อมราคาขั้นต่ำของสินทรัพย์แต่ละประเภทไว้

  • อัตราค่าเสื่อมราคาทางบัญชี "ต่ำกว่า" (จำนวนปีที่ทยอยตัดค่าเสื่อมราคาต่ำกว่าจำนวนปีขั้นต่ำที่สรรพากรกำหนด)
  • บริษัทจะต้องนำส่วนต่างมาบวกกลับทางภาษี (เท่ากับไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้)

 

ที่มา เพจ 101 BuncheeTax

หัวข้ออื่นที่น่าสนใจ