ในยุคที่องค์กรให้ความสำคัญกับความปลอดภัย สุขภาพ และภาพลักษณ์ของสถานที่ทำงาน “การมีนโยบายต่อต้านยาเสพติด” ถือเป็นมาตรฐานสำคัญที่หลายบริษัทนำมาใช้เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้เสพหรือครอบครองยาเสพติดในองค์กร การที่พนักงาน “ตรวจพบสารเสพติด” หรือ “ปฏิเสธการตรวจโดยไม่มีเหตุอันสมควร” อาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นถูกเลิกจ้างทันทีได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย
หากบริษัทมีการกำหนด นโยบายเกี่ยวกับยาเสพติดและแอลกอฮอล์อย่างชัดเจน เช่น ห้ามใช้ยาเสพติดทุกชนิดทั้งในเวลางานและนอกเวลางาน และพนักงานคนใดตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย ย่อมถือเป็นการฝ่าฝืนนโยบายของบริษัทอย่างร้ายแรง กรณีเช่นนี้ นายจ้างสามารถใช้สิทธิ เลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย ได้ เนื่องจากถือเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรงตาม มาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
ในหลายกรณี เมื่อพนักงานตรวจเบื้องต้นพบสารเสพติด บริษัทอาจเปิดโอกาสให้พนักงาน พิสูจน์ความบริสุทธิ์ โดยให้ตรวจซ้ำที่สถานพยาบาลที่เชื่อถือได้ เช่น โรงพยาบาลภายนอก โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือแม้พนักงานจะรับผิดชอบเองก็ตาม แต่หากพนักงาน ปฏิเสธไม่ยอมไปตรวจซ้ำ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เช่น อ้างว่าไม่ว่าง หรือไม่ให้ความร่วมมือ นั่นอาจถือเป็น การขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง ซึ่งเข้าข่าย “ความผิดร้ายแรง” และนายจ้างสามารถเลิกจ้างได้ทันทีเช่นกัน
มีคำพิพากษาศาลแรงงานกลางหลายกรณีที่สนับสนุนหลักการนี้ เช่น
-
พนักงานขับรถโดยสาร ปฏิเสธการตรวจสารเสพติด ขณะปฏิบัติหน้าที่ ศาลเห็นว่าเป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องรักษาความปลอดภัยของผู้โดยสาร การปฏิเสธตรวจจึงถือเป็นความผิดร้ายแรง
-
กรณีให้ตรวจซ้ำเพื่อความเป็นธรรม แต่พนักงานไม่ไปตรวจ ศาลเห็นว่าเป็นการขัดคำสั่ง และมีผลกระทบต่อระเบียบวินัยขององค์กร
ที่มา กฎหมายแรงงาน