งบการเงินเป็นข้อมูลที่เกิดจากการทำบัญชีของบริษัท และสรุปเป็นงบการเงินให้เราอ่านกัน ดังนั้น ข้อมูลในงบการเงินจึงเป็นสิ่งที่เกิดมาแล้วทั้งสิ้น ไม่สามารถบอกอนาคตได้ 100% เช่น ยอดขายปีที่แล้วดี ปีหน้าอาจจะดีหรือแย่กว่าก็ได้ทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่สามารถบอกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ได้ หากเราจับความสัมพันธ์กันดีๆ เราก็จะสามารถทราบได้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
หนี้สิน
หากดูในงบแสดงฐานะการเงิน (งบดุล) ฝั่งหนี้สิน หากพบกว่าบริษัทมีหนี้เยอะมากๆ ลองเดาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา สิ่งที่จะเกิดตามมา ก็คือ บริษัทก็ต้องคืนหนี้พวกนี้สักวันในอนาคต และในงบกำไรขาดทุนก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น คือ ดอกเบี้ย (หรือต้นทุนทางการเงิน) นั่นเอง ซึ่งเราสามารถหาความสามารถในการชำระหนี้ได้โดย
อัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ (Debt ratio) อัตราส่วนนี้จะบอกให้เราทราบว่ากิจการมีหนี้สินเป็นกี่เปอร์เซนต์ของสินทรัพย์ทั้งหมด ยิ่งสูงยิ่งหมายถึงว่าเรามีการซื้อสินทรัพย์ด้วยหนี้ไม่ใช่เงินลงทุนของผู้ถือหุ้นเท่าไหร่

อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E ratio) เป็นอัตราส่วนที่นิยมใช้มากทั้งนักวิเคราะห์และผู้ให้สินเชื่อ เพราะจะทำให้ทราบว่ามีหนี้สินเป็นกี่เท่าของทุน โดยทั่วไปอัตราส่วนนี้ควรจะเป็น 1 เท่า หมายความว่ามีหนี้สิน 1 บาท ในขณะที่มีทุน 1 บาทเช่นกัน แสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ได้ทันทีหากมีปัญหาเกิดขึ้น

อัตราส่วนในการชำระดอกเบี้ย (Time Interested Earned) เป็นอัตราส่วนที่วัดความสามารถในการชำระดอกเบี้ย โดยนำกำไรของกิจการมาหารกับดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้กับเจ้าหนี้ ผลลัพธ์ยิ่งสูงยิ่งดี เช่น เป็น 10 เท่า ของดอกเบี้ยจ่าย ก็แสดงว่ากิจการมีกำไรเป็น 10 เท่าของภาระดอกเบี้ยจ่าย ทำให้เจ้าหนี้พอใจว่ากิจการชำระดอกเบี้ยได้แน่นอน

ลูกหนี้การค้า
รายการนี้อยู่ในสินทรัพย์หมุนเวียน งบแสดงฐานะการเงินจะแสดงให้ดูต้นงวดกับปลายงวด หากเราเห็นว่า ลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปกติแล้วถ้ายอดขายเพิ่มลูกหนี้เพิ่มตามแต่ไม่ได้มากเกินไปก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ายอดขายไม่ได้เพิ่มอะไรมาก กลับกันลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัวก็เสี่ยงต่อการเก็บหนี้ไม่ได้ หรือเป็นหนี้สูญในอนาคต ต้องมาตั้งสำรองเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนตามมา
ซึ่งเราสามารถวิเคราะห์สภาพของลูกหนี้ได้โดย
อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้การค้า (Receivables Turnover) คือการวิเคราะห์ถึงคุณภาพของลูกหนี้การค้า โดยคำนวณความถี่ของการหมุนเวียนของลูกหนี้การค้า คือการหาค่าเฉลี่ยว่ากิจการสามารถเรียกเก็บหนี้ จากลูกหนี้การค้าได้กี่ครั้งใน 1 งวดบัญชี

ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
รายการนี้อยู่ในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน รายการนี้มีเพิ่มขึ้นเยอะๆ ดีหรือไม่ การดูว่าบริษัทมีการขยายกิจการหรือไม่อย่างหนึ่ง คือ ดูรายการสินทรัพย์ถาวรว่ามีการเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน หากเราเห็นบรรทัด ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นสิ่งที่ต้องวิเคราะห์ต่อมา คือ จะช่วยให้กิจการทำกำไรได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ และใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะคุ้มทุน เพราะสิ่งที่มาก่อนคือ ค่าใช้จ่ายในรูปของค่าเสื่อมราคานั่นเอง
ซึ่งเราสามารถหาอัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวร (Fixed Assets Turnover)
สินทรัพย์ถาวร คือ สินทรัพย์จำพวกที่ดิน โรงงาน ตึกออฟฟิศ ซึ่งอัตราส่วนนี้บอกให้นักลงทุนรู้ว่า บริษัทใช้สินทรัพย์เหล่านี้ในการสร้างรายได้ ได้คุ้มแค่ไหน

อัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์รวม (Total Assets Turnover) อัตราส่วนนี้บอกว่าบริษัทสามารถใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมดสร้างยอดขายได้กี่เท่า ถ้าสูงถือว่าสร้างได้มาก แต่ถ้าต่ำ แสดงว่าบริษัทไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ หรืออาจจะแปลได้ว่าบริษัทมีสินทรัพย์ที่ไม่สร้างรายได้อยู่ก็ได้

ทั้งนี้การดูอัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวรไม่มีเกณฑ์ตัวเลขที่แน่นอน จึงต้องเปรียบเทียบตัวเลขปัจจุบันกับอดีตเพื่อดูแนวโน้มของบริษัท และเปรียบเทียบกับคู่แข่งและค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมด้วย
สำหรับโปรแกรมบัญชีบริหารสำเร็จรูป Business Plus ERP นั้น เรามีรายงานสำหรับวิเคราะห์งบการเงิน และวิเคราะห์งบอัตราส่วน ซึ่งสามารถดูได้ทั้งรายงานที่เป็นมาตรฐานและยังสามารถสร้างรูปแบบการวิเคราะห์งบการเงินตามมุมมองที่ต้องได้อีกด้วย