-
-
ERP
-
Bplus ERP for Job Cost
Bplus for Job Cost สำหรับบริหารงานโครงการ
สำหรับธุรกิจงานบริการ งานออกแบบ งานรับเหมาต่างๆ ที่รับงานเป็นโครงการ โปรเจค หรือ Job หลังตกลงขายกับลูกค้าหรือผู้ว่าจ้างแล้วนั้น การปฏิบัติงาน ตั้งแต่การเปิดบิลมัดจำ วางบิล เก็บเงินล่วงหน้า เมื่อเริ่มทำงานมีการแบ่งชำระตามงวด เช่น งวดแรก 30%, งวดที่สอง 30 %, งวดสุดท้าย 40% ที่ระบุไว้ในสัญญา รวมทั้งการหักเงินค่าประกันผลงาน โดยส่วนใหญ่จะหักจากการรับชำระเงินงวดสุดท้ายตามที่ตกลงกัน เช่น สินค้าไม่ได้ตามคุณภาพหรือไม่ตรงกับมาตรฐาน หรือมีงานเสียหายแก้ไขไม่ได้ตามข้อตกลง ถ้าตรวจสอบพบภายใน 1 ปี จะหักเงินประกันผลงานจากการชำระงวดสุดท้าย Bplus for Job Cost ได้ทำกระบวนการทำงานที่สอดรับกับกระบวนการทำงานรูปแบบนี้ และยังช่วยการบริหารการสั่งซื้อ การเบิกจ่ายสินค้าวัสดุต่าง ๆ ไปยังโครงการ จ่ายค่าใช้จ่ายเงินทดรองจ่ายตามโครงการ รวบรวมเอกสารต่าง ๆ เพื่อทำงบการเงินปิดงบทั้งงบกิจการและงบโครงการ ด้วยการทำงานที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงอัตโนมัติ เชื่อมโยงงานบัญชีลงรายการได้ทันที โดยไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อน
เมื่อท่านใช้ Bplus ERP ท่านจะได้คำตอบและไม่พลาดกับปัญหาดังกล่าว!

คุณสมบัติเด่น
- แยกงานโครงการได้อย่างไม่จำกัดตามการขายงาน หรือ การประมูลงานแต่ละ JOB
- ระบบเอกสารเพื่อรองรับการทำงานตั้งแต่เอกสารการเสนอราคา การขอซื้อ สามารถตั้งค่าเอกสารต้องผ่านการอนุมัติก่อนส่งเอกสารออกได้ พร้อมตรวจสอบการแก้ไข การลบได้อย่างสะดวก เพื่อป้องกันการทุจริต
- หมดห่วงเรื่องการทุจริต จากช่องทางเอกสารที่มีระบบควบคุม Business Plus สามารถสร้างที่เก็บ/ตำแหน่งเก็บควบคุมสินค้าหรือวัสดุแยกตามงานโครงการ พร้อมคลังกลางที่ใช้ในการแจกจ่ายโดยเอกสารโอนย้าย หรือเอกสารเบิก ที่รองรับ Document Control ได้ตามกระบวนการทำงาน
- ประเภทลูกค้า/ผู้ว่าจ้าง แบ่งแยกงานโปรเจคและงานขายหรือบริการทั่วไปได้ เพื่อการวิเคราะห์ยอดขาย
- แบ่งแยกประเภทเงินมัดจำตามงานโครงการเพื่อง่ายต่อการชำระหนี้เป็นงวด ๆ ของแต่ละโครงการ
- เปรียบเทียบงบประมาณที่ตั้งของแต่ละโครงการ กับค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นเพื่อการวิเคราะห์ผลกำไร-ขาดทุน
- ติดตามเงินประกันผลงานได้ตรงเวลาไม่พลาดการติดตาม
- ประเมินสถานะการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยผู้บริหารในการวิเคราะห์
ฝ่ายจัดซื้อ
ช่วยรวบรวมข้อมูลความต้องการวัตถุดิบหรือวัสดุเพื่อใช้จัดทำแผนงานสั่งซื้อตามแผนงาน ที่ฝ่ายขาย และฝ่ายผลิตกำหนดความต้องการไว้ โดยการสั่งซื้อทำได้ทั้งรูปแบบ
- ซื้อรวมทุกโครงการรับเข้าคลังกลาง และทำการโอนย้ายไปตามตำแหน่งเก็บแต่ละโครงการ และ ทำการตัดใช้ตามเอกสารการเบิก
- ในบางงานจำเป็นต้องสั่งซื้อเข้าตรงโครงการ โปรแกรมรองรับการสั่งซื้อวัตถุดิบหรือวัสดุเข้างานแต่ละโครงการโดยตรงได้ และสั่งซื้อหลาย ๆ ใบ สามารถรวมรับเป็นใบซื้อใบเดียวได้ซึ่งสะดวกต่อการทำงาน และติดตามยอดค้างส่งของ Supplier
- ปฏิทินเตือนการทำงานเพื่อทราบวันที่ของที่สั่งซื้อจะจัดส่ง เพื่อเคลียร์พื้นที่ให้พร้อมต่อการรับสินค้าเข้าคลัง และพร้อมต่อการโอนย้ายไปยังโครงการที่ต้องการ

ฝ่ายคลังสินค้า
ช่วยให้การควบคุมสต็อกสินค้า วัตถุดิบหรือวัสดุมีประสิทธิภาพ ไม่ขาดสต็อก จนทำให้การผลิตล่าช้า จากข้อตกลงซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก กรณีซื้อรวมทุกโครงการรับเข้าคลังกลางแล้วสามารถแจกจ่ายตามการขอของแต่ละโครงการด้วยเอกสารใบโอนย้ายไปยังโครงการตามจำนวนที่โครงการต้องการ
ผู้รับผิดชอบคลังโครงการที่หน้างานหรือผู้จัดการโครงการ
ควบคุมการใช้ในคลังของโครงการด้วยเอกสารเบิกใช้ คุมสต็อก ลงบัญชี และลงบัญชีต้นทุนโครงการอย่างอัตโนมัติ หน้าจอใบเบิกสินค้า
หัวหน้าโครงการควบคุมสินค้า วัตถุดิบหรือวัสดุ ในโครงการและสรุปการใช้ สรุปของที่เหลือ ผลต่างของที่เหลือกับของจริงตามโครงการที่รับผิดชอบได้ ตัวอย่างรายงาน
ฝ่ายบัญชี
1.ช่วยติดตามการชำระและเงินประกันผลงานได้อย่างดี
2.สรุปรายได้ ค่าใช้จ่าย ตามโครงการเทียบงบประมาณและผลต่างให้ทราบสถานะ

ประโยชน์ที่ได้รับ
- สามารถคุมสต็อก/วัสดุคงเหลือ งานโครงการได้และบริหารการสั่งซื้อให้ทันต่อการทำงาน เพื่อการส่งมอบงานที่ตรงเวลา
- สามารถควบคุมงานโครงการในระบบและตรวจสอบได้
- ทราบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เทียบงบประมาณได้อย่างทันเวลาเพื่อหาทางแก้ไข
- ทราบยอดเบิกเงินล่วงหน้า ใช้ไปเท่าไหร่ คงเหลือเท่าไหร่
- ช่วยการติดตามเงินค่างวดทำให้กระแสเงินสดไม่พลาด
- สามารถทราบยอดเงินประกันผลงาน และเรียกเก็บภายหลังตามที่ตกลงได้ตรงเวลาไม่เสียโอกาส ป้องกันการทำงานผิดพลาด
- ผู้บริหารได้งบการเงินถูกต้องและรวดเร็วตามผลประกอบการและตามรายโครงการ
16 November 2021
View
6,789