• ฝ่ายขาย 02-880-9700, 02-409-5409, 02-880-8800
  • ฝ่ายบริการ 02-880-8800
businessplus
businessplus
  • รายการจำนวนจำนวนเงิน
    ไม่มีรายการ
    สั่งซื้อสินค้า
    • รายการจำนวนจำนวนเงิน
      ไม่มีรายการ
      สั่งซื้อสินค้า
    1. ข่าวสาร
    2. HRM
    3. กะที่เจ้าของและ HR ต้องเข้าใจและรับมือจัดการการทำงานเป็นกะ ได้อย่าง "มือโปร"

    กะที่เจ้าของและ HR ต้องเข้าใจและรับมือจัดการการทำงานเป็นกะ ได้อย่าง "มือโปร"

    กะที่เจ้าของและ HR ต้องเข้าใจและรับมือจัดการการทำงานเป็นกะ ได้อย่าง "มือโปร"

    • ความสำคัญในการเข้าใจการทำงานเป็นกะ: เพื่อให้เจ้าของธุรกิจและ HR สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • การรับมือกับสถานการณ์และความท้าทาย: เช่น การสลับกะ การขาดพนักงาน หรือความต้องการพนักงานที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา
    • ทักษะการจัดการอย่างมือโปร: เช่น การใช้เทคโนโลยี การจัดการตารางกะ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างความยืดหยุ่นให้กับพนักงาน

    การทำงานเป็นกะ (Shift Work) คืออะไร?
    การทำงานเป็นกะ คือการแบ่งช่วงเวลาการทำงานของพนักงานออกเป็นหลายช่วงเวลา เช่น กะเช้า กะบ่าย หรือกะกลางคืน โดยพนักงานจะสลับกันทำงานในแต่ละช่วงเวลาเพื่อให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง การทำงานเป็นกะเป็นเรื่องปกติในธุรกิจที่ต้องการให้บริการหรือต้องการผลผลิตตลอดทั้งวัน เช่น โรงงาน โรงพยาบาล และศูนย์บริการลูกค้า


    พื้นฐานที่ HR หรือเจ้าของธุรกิจควรมีในการจัดการกะ

    1. กฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้องกับกะ
    ควรมีความรู้เรื่องกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเป็นกะ เช่น ชั่วโมงการทำงาน ค่าล่วงเวลา (OT) การพักผ่อน และวันหยุด เพื่อให้การจัดการสอดคล้องกับกฎหมายและไม่สร้างปัญหาทางกฎหมายในอนาคต

    2. การวางแผนและจัดตารางกะ
    ควรมีทักษะในการวางแผนตารางกะเพื่อให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้พนักงานได้รับการจัดสรรเวลาทำงานอย่างเหมาะสม

    3. การดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
    การทำงานเป็นกะ โดยเฉพาะกะกลางคืน อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพ HR ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของพนักงาน เช่น การจัดตารางเวลาพักผ่อนที่เพียงพอและการตรวจสุขภาพประจำปี

    4. การใช้เทคโนโลยีเพื่อจัดการกะ
    ควรใช้ซอฟต์แวร์ในการจัดการกะ เช่น ระบบ Bplus e-HRM เพื่อช่วยจัดการตารางการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาด

    5. การสื่อสารและการบริหารจัดการกะ
    การสื่อสารกับพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ ควรมีระบบที่ชัดเจนในการแจ้งตารางการทำงานและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อให้พนักงานเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังควรใช้ ซอฟต์แวร์จัดการกะ เพื่อทำให้การจัดการตารางทำงานง่ายขึ้น เช่น โปรแกรม Bplus e-HRM

    6. การจัดการพนักงานสำรอง
    เมื่อมีการเปลี่ยนกะหรือพนักงานขาดงาน ควรมีการสื่อสารอย่างชัดเจนระหว่างฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเตรียมพนักงานสำรองในกรณีฉุกเฉินเพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินงาน

     

    ประเภทของกะการทำงาน

    1. กะเช้า (Day Shift)

    • เวลาทำงานปกติ เช่น 8.00 - 17.00 น.
    • เป็นกะที่ใช้กันมากที่สุดในหลายธุรกิจ เช่น สำนักงาน โรงเรียน และหน่วยงานราชการ

    2. กะบ่าย (Afternoon Shift/Evening Shift)

    • เวลาทำงานเช่น 14.00 - 22.00 น. หรือ 16.00 - 00.00 น.
    • เหมาะสำหรับธุรกิจที่เปิดทำการในช่วงเย็นถึงค่ำ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือโรงงานบางประเภท

    3. กะกลางคืน (Night Shift)

    • เวลาทำงานเช่น 22.00 - 6.00 น. หรือ 00.00 - 8.00 น.
    • มักใช้ในธุรกิจที่ต้องดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง เช่น โรงงานผลิต โรงพยาบาล และธุรกิจขนส่ง

    4. กะหมุนเวียน (Rotating Shift)

    • พนักงานจะสลับเปลี่ยนกะในแต่ละช่วงเวลา เช่น ทำกะเช้า 1 สัปดาห์ แล้วเปลี่ยนเป็นกะบ่ายในสัปดาห์ถัดไป
    • เป็นรูปแบบที่ธุรกิจใช้เพื่อให้พนักงานมีความยืดหยุ่นและไม่ต้องทำงานในกะเดียวกันตลอดเวลา

    5. กะยืดหยุ่น (Flexible Shift)

    • พนักงานสามารถเลือกช่วงเวลาทำงานตามความสะดวกภายในขอบเขตที่กำหนด เช่น เริ่มงานระหว่าง 7.00 - 9.00 น. และทำงาน 8 ชั่วโมง
    • ใช้ในองค์กรที่มีวัฒนธรรมการทำงานที่เน้นผลลัพธ์มากกว่าช่วงเวลาทำงาน

    ประเภทกะเพิ่มเติม

    1. Split Shift (กะแยก)

    • การทำงานแบ่งเป็นสองช่วงเวลาในวันเดียว เช่น ทำงานช่วงเช้าและกลับมาทำงานอีกครั้งในช่วงเย็น

    2. ควบกะ (Double Shift)

    • การทำงานต่อเนื่องกันสองกะติดกัน เช่น ทำกะเช้าและทำงานต่อในกะบ่าย

    3. ควงกะ (Swing Shift)

    • การสลับเปลี่ยนเวลาทำงานระหว่างกะต่างๆ ในแต่ละสัปดาห์หรือเดือน

    4. วันหยุด (Day Off)

    • วันหยุดที่พนักงานไม่ได้ทำงานตามตารางที่กำหนด

    การจัดการและรับมือกับการทำงานกะแบบ Split Shift, ควบกะ, ควงกะ

    การบริหารจัดการกะอย่างมีประสิทธิภาพ
    การวางแผนและการจัดการ ตารางกะ ต้องคำนึงถึงการกระจายงานอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้พนักงานทำงานเกินกำลัง หรือไม่มีเวลาเพียงพอในการพักผ่อน โดยเฉพาะการทำงานแบบ ควบกะ และ ควงกะ ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพพนักงานหากไม่มีการจัดการอย่างเหมาะสม

    การดูแลสุขภาพและสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและส่วนตัว
    การทำงานแบบ Split Shift หรือ ควงกะ อาจทำให้พนักงานรู้สึกเหนื่อยล้าและเครียดมากขึ้น HR จึงควรจัดโปรแกรมสนับสนุนการพักผ่อน เช่น การแนะนำวิธีการจัดการเวลาส่วนตัว หรือการให้พนักงานมีเวลาพักเพียงพอก่อนทำงานกะถัดไป

    การใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยจัดการตารางกะ
    ซอฟต์แวร์หรือระบบ HR เช่น Bplus e-HRM สามารถช่วยในการจัดตารางกะ ควงกะ หรือ Split Shift ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถติดตามและตรวจสอบชั่วโมงการทำงานได้อัตโนมัติ

    การจัด Day Off และสิทธิประโยชน์อื่นๆ
    ควรมีการจัดการ วันหยุด อย่างเป็นระบบ โดยอาจสลับให้พนักงานแต่ละคนมี Day Off ตามตารางที่ไม่ขัดแย้งกับการดำเนินงาน และยังต้องให้สิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามกฎหมายแรงงาน เช่น ค่าล่วงเวลาและสวัสดิการที่เหมาะสม


    การเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
    ต้องเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในการทำงานเป็นกะ เช่น:

    • พนักงานขาดงาน: ควรมีพนักงานสำรองหรือแผนการจัดการเพื่อให้ธุรกิจดำเนินงานต่อไปได้
    • การเปลี่ยนกะ: หากพนักงานไม่สามารถทำงานตามกะที่กำหนดได้ ควรมีการวางแผนสำหรับ การสลับกะ (Shift Swapping) และตรวจสอบว่าใครสามารถเข้ามาทำงานแทนได้
    • การขาดความยืดหยุ่นในกะ: เจ้าของธุรกิจควรให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการจัดการกะเพื่อรักษาความพึงพอใจและประสิทธิภาพของพนักงาน

    ประเด็นเกี่ยวกับการสลับกะ (Shift Swapping)
    สลับกะ (Shift Swapping) หมายถึงสถานการณ์ที่พนักงานไม่สามารถทำงานตามตารางกะที่กำหนดไว้ได้ตามประกาศ แล้วขอเปลี่ยนกะกับพนักงานคนอื่นที่ยินดีหรือสะดวกที่จะสลับกะกัน สถานการณ์นี้มักเกิดขึ้นเมื่อพนักงานมีภารกิจส่วนตัวหรือเหตุจำเป็นที่ทำให้ไม่สามารถมาทำงานในกะที่ได้รับมอบหมายตามปกติได้

    ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสลับกะ

    1. เหตุผลที่พนักงานต้องการสลับกะ
      • พนักงานอาจมีเหตุผลส่วนตัว เช่น เรื่องครอบครัว การนัดหมายทางการแพทย์ หรือเหตุฉุกเฉินอื่นๆ ที่ทำให้ไม่สามารถทำงานตามกะเดิมได้
    2. ขั้นตอนในการสลับกะ
      • บริษัทควรกำหนดขั้นตอนและเงื่อนไขที่ชัดเจนเกี่ยวกับการสลับกะ เช่น การแจ้งขอเปลี่ยนล่วงหน้า การตรวจสอบว่ามีใครยินดีสลับกะด้วย และการอนุมัติจากผู้จัดการหรือ HR
    3. การอนุญาตให้สลับกะ
      • การสลับกะควรได้รับอนุญาตจากผู้จัดการหรือ HR เพื่อให้มั่นใจว่าการสลับกะนั้นไม่กระทบต่อการดำเนินงานขององค์กร และไม่มีการขาดแคลนบุคลากรในแต่ละกะ
    4. การสื่อสารที่ชัดเจน
      • การสลับกะควรมีการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างพนักงานทั้งสองคนและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันความสับสนหรือความผิดพลาดในตารางกะ
    5. ผลกระทบต่อทีมงานและการทำงาน
      • การสลับกะอาจมีผลกระทบต่อทีมงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงของผู้ปฏิบัติงานในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งอาจทำให้ต้องมีการปรับตัว หรือเกิดปัญหาด้านการประสานงาน การรับมือกับสถานการณ์นี้จึงต้องมีการวางแผนที่รอบคอบ

    วิธีการจัดการการสลับกะ

    1. การใช้ซอฟต์แวร์จัดการกะที่ยืดหยุ่น
      • การใช้ซอฟต์แวร์จัดการกะ เช่น Bplus e-HRM สามารถช่วยในการบันทึกและติดตามการสลับกะของพนักงานได้อย่างแม่นยำ ทำให้ไม่เกิดปัญหาการสื่อสารผิดพลาดและช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
    2. นโยบายการสลับกะที่ชัดเจน
      • ควรมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการสลับกะ โดยอาจกำหนดระยะเวลาในการแจ้งขอสลับกะล่วงหน้า เช่น แจ้งก่อน 1-2 วัน เพื่อให้บริษัทมีเวลาในการอนุมัติและจัดการบุคลากร
    3. การสนับสนุนให้พนักงานมีความยืดหยุ่นในการทำงาน
      • การสลับกะช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับพนักงาน และช่วยให้พนักงานสามารถจัดการชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรให้พนักงานสลับกะกันโดยไม่กระทบต่อทีมงานหรือการดำเนินธุรกิจ
    4. การรับรองความพร้อมของพนักงานในกะใหม่
      • ก่อนที่จะสลับกะกัน ควรมีการตรวจสอบว่าพนักงานที่รับสลับกะมีทักษะและความพร้อมที่จะทำงานในกะนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการทำงาน

    การสลับกะ เป็นวิธีที่ช่วยให้พนักงานมีความยืดหยุ่นในเรื่องการทำงานมากขึ้น แต่ก็ต้องมีการจัดการที่ดีจากฝ่าย HR หรือผู้จัดการ เพื่อให้กระบวนการนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานขององค์กร

     

    23 September 2024  View 2,333

    บทความที่น่าสนใจ

    สินค้าอื่นๆ

    สมัครสมาชิก

    ลงชื่อเข้าใช้งาน

    เข้าสู่ระบบ

    สร้างบัญชีใหม่ | ลืมรหัสผ่าน ?

    นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับนโยบาย

    "Behind the success of customer business"

    บริษัท อี-บิซิเนส พลัส จำกัด และ บริษัท บิซิเนส แอนด์ เทคโนโลยี่ จำกัด มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์ บริการ บุคลากร อย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า

    11-14 ซอยบรมราชชนนี 39 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170

    ADDRESS


    CONTACT US


    • ฝ่ายขาย HRM: 092-345-3681
    • ฝ่ายขาย ERP POS: 085-234-5980
    • Call Center ฝ่ายขาย: 02-880-9700, 02-409-5409, 02-880-8800
    • Call Center: 02-880-8800
    • Mobile Call Center: 080-915-5660, 065-629-0509, 094-997-3559
    • ฝ่ายบริการ: 02-880-8800 ฝ่ายบริการ HRM กด 2 , ฝ่ายบริการ ERP กด 3

    SOCIAL MEDIA


    • Bplus HRM โปรแกรมเงินเดือนสำเร็จรูป
    • Business Plus ERP MRP
    • โปรแกรมขายหน้าร้าน Bplus POS
    • Business Plus Food & Beverage
    • @salebplus
    • @businessplushrm
    • allsales@bplus.co.th

    Copyright © 2021. All rights reserved • คุ้กกี้ • นโยบายส่วนบุคคล • ยกเลิกรับข่าวสาร
    คุณชอบคุกกี้ไหม? 🍪 เราใช้คุกกี้เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา นโยบายการใช้คุกกี้ / เรียนรู้เพิ่มเติม