หนังสือเตือน ความผิดเดียวกัน ภายใน 1 ปี เลิกจ้างได้ ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย

          หนึ่งในประเด็นที่มักสร้างความสับสนให้กับทั้ง HR และ พนักงาน คือเรื่อง หนังสือเตือน โดยเฉพาะเมื่อบริษัทต้องการนำมาใช้เป็นเหตุเลิกจ้าง หากทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นายจ้างอาจต้องจ่ายค่าชดเชยอยู่ดี แม้จะมีหนังสือเตือนก็ตาม

ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน และแนวคำพิพากษาศาลฎีกา มีหลักเกณฑ์สำคัญดังนี้

  • หนังสือเตือนที่นำมาใช้เป็นเหตุเลิกจ้าง ต้องเป็น ความผิดลักษณะเดียวกัน กับที่เคยถูกเตือนมาก่อน
  • การกระทำผิดซ้ำ ต้องเกิดขึ้น ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่กระทำความผิดครั้งแรก
  • หากเป็นคนละความผิด แม้จะอยู่ในปีเดียวกัน ก็ ไม่ถือเป็นการผิดซ้ำ และนายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย

มีกรณีศึกษา คำพิพากษาศาลฎีกา ใช้หนังสือเตือนเป็นเหตุเลิกจ้าง ได้

คดีฎีกาที่ 3456/2549

ลูกจ้างถูกเตือนเป็นหนังสือในเรื่องหนึ่ง และภายใน 1 ปี ลูกจ้างทำผิดเรื่องเดียวกันซ้ำอีก

ศาลวินิจฉัยว่า นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย

มีกรณีศึกษา คำพิพากษาศาลฎีกา ใช้หนังสือเตือนเป็นเหตุเลิกจ้าง ไม่ได้ 

คดีฎีกาที่ 800/2532

ครั้งแรก นายจ้างเตือนเรื่อง บกพร่องต่อหน้าที่ ไม่ป้องกันทรัพย์สินสูญหาย

ครั้งต่อมา เตือนเรื่อง ดื่มสุราและใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ

ศาลเห็นว่าเป็น คนละเหตุแห่งความผิด แม้เกิดในปีเดียวกัน นายจ้างจึงต้องจ่ายค่าชดเชย

ข้อควรรู้สำหรับ HR

  • ก่อนออกหนังสือเตือน ต้องระบุ ลักษณะความผิดให้ชัดเจน
  • ติดตามว่า หากมีการกระทำผิดซ้ำ ต้องเป็น เรื่องเดียวกันจริง ๆ ไม่ใช่เหตุอื่น
  • เก็บรักษาเอกสารและหลักฐานการเตือนให้ครบถ้วน เผื่อกรณีพิพาทในอนาคต

ข้อควรรู้สำหรับพนักงาน

  • หากได้รับหนังสือเตือน ควร ตรวจสอบรายละเอียด ว่าระบุความผิดอะไร และทำความเข้าใจสิทธิของตน
  • การถูกเตือนครั้งหนึ่งไม่ได้หมายความว่าจะถูกเลิกจ้างทันที ต้องดูว่าเป็น การผิดซ้ำในเรื่องเดิม หรือไม่
  • หากถูกเลิกจ้างโดยอ้างหนังสือเตือน แต่เป็นคนละเรื่อง ลูกจ้างยังมีสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยตามกฎหมาย

หนังสือเตือนเป็นเรื่องสำคัญที่ HR ต้องทำอย่างถูกต้อง เพราะเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่อาจใช้ถึงขั้นเลิกจ้างได้ แต่หากออกผิดวิธี ก็ไม่ต่างจาก “กระดาษแผ่นหนึ่ง” ที่ไม่มีผลทางกฎหมาย สำหรับลูกจ้าง การเข้าใจสิทธิและขอบเขตของหนังสือเตือน จะช่วยปกป้องตนเองจากการถูกเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

 

ที่มา คลินิกกฎหมายแรงงาน