การบัญชีป้องกันความเสี่ยง (Hedge Accounting)

หลักการบัญชีของกิจการ สำหรับการบัญชีป้องกันความเสี่ยง (Hedge Accounting)

มาทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อนว่าอะไรคือ Hedge item หรือ Hedge instrument  ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่องเครื่องมือทางการเงิน (“TFRS 9”) ได้กำหนดวิธีการทาง บัญชีสำหรับรายการที่มีการป้องกันความเสี่ยง (Hedge item) และเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedging instrument)

การบัญชีป้องกันความเสี่ยง (Hedge Accounting) การบัญชีป้องกันความเสี่ยงมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงผลกระทบใน งบการเงิน ซึ่งเป็นผลจากกิจกรรมการจัดการความเสี่ยงของกิจการที่ใช้ เครื่องมือทางการเงินในการจัดการฐานะเปิดจากความเสี่ยงต่าง ๆ ซึ่งอาจ ส่งผลกระทบต่อกำไรหรือขาดทุน (หรือกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น ในกรณี การลงทุนในตราสารทุนที่กิจการเลือกที่จะแสดงการเปลี่ยนแปลงของมูลค่า ยุติธรรมในกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น) วิธีการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะแสดง ถึงบริบทของเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงภายใต้การบัญชีป้องกันความเสี่ยง

ความเสี่ยงคืออะไร

บริษัท ก จำกัด ขายสินค้าให้ลูกค้าในต่างประเทศ โดยกำหนดราคาเป็นสกุลเงินเหรียญสหรัฐ (USD) เป็นจำนวนเงิน USD 100,000 โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ขายสินค้า (Spot Rate) คือ USD 1 เท่ากับ 35 บาท ดังนั้น บริษัทจึงรับรู้รายได้จากการขายเท่ากับ 3,500,000 บาท (USD 100,000 x 35 บาท) และมีลูกหนี้การค้าเป็นจำนวนเงิน USD 100,000 ซึ่งแสดงค่าเป็นสกุลเงินบาทเท่ากับ 3,500,000 บาท (USD 100,000 x 35 บาท ) และอีก 1 เดือนถัดมา เมื่อถึงกำหนดชำระค่าสินค้า ลูกค้าจ่ายชำระ USD 100,000

หากในวันรับเงิน อัตราแลกเปลี่ยน คือ USD 1 เท่ากับ 34.50 บาท บริษัทจะมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 50,000 บาท ( USD 100,000 x ( 34.50 บาท - 35.00 บาท )) หากในวันรับเงิน อัตราแลกเปลี่ยน คือ USD 1 เท่ากับ 35.30 บาท บริษัทจะมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 30,000 บาท ( USD 100,000 x ( 35.30บาท - 35.00 บาท )) บริษัทมีโอกาสที่จะขาดทุนหรือกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนก็ได้ ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต ดังนั้น "ความเสี่ยง" คือ ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งเกิดจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

บริษัท ข จำกัด เป็นบริษัทที่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้า โดยบริษัทมีความต้องการใช้เหล็กปริมาณ10,000 กิโลกรัม ในอีก 1 เดือนข้างหน้าราคาเหล็กในวันนี้เท่ากับ 20 บาทต่อกิโลกรัม หากซื้อเหล็กในวันนี้ บริษัทจะจ่ายซื้อเหล็กเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท (10,000 กิโลกรัม x 20 บาท)

หากราคาเหล็กในเดือนหน้าคือ 21 บาทต่อกิโลกรัม บริษัทต้องจ่ายซื้อเหล็กเป็นจำนวนเงิน 210,000 บาท (10,000 กิโลกรัม x 21 บาท) หากราคาเหล็กในเดือนหน้าคือ 19 บาทต่อกิโลกรัม บริษัทต้องจ่าย ซื้อเหล็กเป็นจำนวนเงิน 190,000 บาท (10,000 กิโลกรัม x 19 บาท) ความผันผวนของราดาเหล็กทำให้บริษัทจ่ายซื้อเหล็กในราดาสูงหรือราคาต่ำก็ได้ และนี่คือ "ความเสี่ยง"

ความเสี่ยงไม่ได้หมายถึงโอกาสในการเกิดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือโอกาสในการซื้อเหล็กในราดาสูงเท่านั้น โอกาสในการเกิดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือโอกาสในการซื้อเหล็กในราคาต่ำก็ถือเป็นความเสี่ยง"ความเสี่ยงคือความไม่แน่นอน"

การป้องกันความเสี่ยง 

อนุพันธ์ (Derivatives) เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง โดยอนุพันธ์ที่นิยมใช้ป้องกันความเสี่ยง มีดังนี้

  • สัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสัญญาฟอร์เวิร์ด (Forward Contract)
  • ฟิวเจอร์ส (Futures)
  • สิทธิเลือกหรือออปชัน (Options)
  • สัญญาแลกเปลี่ยนหรือสวอป (Swaps)

บริษัท ก จำกัด ขายสินค้าให้ลูกค้าในต่างประเทศ USD 100,000 (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ขายสินค้า คือ USD 1 เท่ากับ 35 บาท) บริษัทจึงรับรู้รายได้จากการขายเท่ากับ 3,500,000 บาท และมีลูกหนี้การค้า USD 100,000 ซึ่งแสดงค่าเป็นสกุลเงินบาท 3,500,000 บาท และ จะรับชำระอีก 1 เดือนถัดมา บริษัท ก ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนโดยเข้าทำสัญญาฟอร์เวิร์ดกับธนาคารเพื่อจะขาย USD 100,000 ในอีก 1 เดือนข้างหน้า ในอัตราแลกเปลี่ยนที่ตกลงไว้ล่วงหน้า (Forward Rate) คือ USD 1 เท่ากับ 34.80 บาท

กรณี A

ในเดือนถัดไป อัตราแลกเปลี่ยน (Spot Rate) คือ USD 1 เท่ากับ 34.50 บาทบริษัทจะมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของลูกหนี้การค้าเท่ากับ 50,000 บาท (USD 100,000 x (34.50 บาท - 35.00 บาท)) ในเวลาเดียวกัน บริษัทจะมีผลกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรม ของสัญญาฟอร์เวิร์ดเท่ากับ 30,000 บาท (USD 100,000 x (34.80 บาท - 34.50 บาท) A โดยรวม บริษัทจะมีผลขาดทุน 20,000 บาท

กรณี B

ในเดือนถัดไป อัตราแลกเปลี่ยน (Spot Rate) คือ USD 1 เท่ากับ 35.30 บาท บริษัทจะมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของลูกหนี้การค้าเท่ากับ 30,000 บาท (USD 100,000 x (35.30 บาท - 35.00 บาท)) ในเวลาเดียวกัน บริษัทจะมีผลขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสัญญาฟอร์เวิร์ดเท่ากับ 50,000 บาท (USD 100,000 x (34.80 บาท - 35.30 บาท)) B โดยรวม บริษัทจะมีผลขาดทุน 20,000 บาท B

บริษัทจะมีผลขาดทุนโดยรวม 20,000 บาทไม่ว่าอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคตจะเป็นอย่างไรนี่คือ "การป้องกันความเสี่ยง"การทำให้ "ความไม่แน่นอน" กลายเป็น "ความแน่นอน"

การป้องกันความเสี่ยงไม่ได้ทำให้บริษัทหลีกเลี่ยงผลขาดทุนหรือกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับลูกหนี้การค้า ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้บริษัทต้องรับรู้กำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ในเวลาเดียวกันบริษัทก็มีผลกำไรหรือขาดทุนจากสัญญาฟอร์เวิร์ดด้วยการป้องกันความเสี่ยงคือการที่ผลกำไรหรือขาดทุนจากเครื่องมือที่ใช้ป้องกันความเสี่ยง (Hedging Instrument) สามารถหักกลบกับผลกำไรหรือขาดทุนจากรายการที่ป้องกันความเสี่ยง (Hedged Item)

 

E-Book เครื่องมือทางการเงิน : IFRS 9 คลิก

ที่มา

FAP Newsletter Issue 43และ FAP Newsletter Issue 45

https://www.tfac.or.th/upload/9414/jdJr1WXpe5.pdf

https://www.tbs.tu.ac.th/wp-content/uploads/2018/11/2.-TBS-ACC-IFRS9-Hedge-Accounting-20181126.pdf