การทำความรู้จักกับ Shelf Tag และประโยชน์ในการเพิ่มยอดขายและบริการลูกค้า

          Shelf Tag หรือป้ายชั้นวางสินค้า คือเครื่องมือที่ใช้ในการแสดงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสินค้าในร้านค้าปลีกหรือห้างสรรพสินค้า โดยมักจะติดอยู่บนขอบของชั้นวางสินค้า ทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าได้ชัดเจนในขณะที่เดินเลือกซื้อสินค้า

ประโยชน์ของ Shelf Tag ในการเพิ่มยอดขาย

การให้ข้อมูลที่ชัดเจน

Shelf Tag ช่วยแสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อสินค้า ราคา รหัสสินค้า และรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ลูกค้าสามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและสะดวก โดยไม่ต้องสอบถามพนักงาน ทำให้การตัดสินใจซื้อเป็นไปได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การมีข้อมูลที่ชัดเจนยังช่วยลดความไม่แน่ใจของลูกค้า ทำให้เกิดความมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้า

การเปรียบเทียบราคา

Shelf Tag ช่วยให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าแต่ละรายการได้ทันที เมื่อมีข้อมูลราคาที่ชัดเจนอยู่บนชั้นวาง ลูกค้าจะสามารถเลือกสินค้าที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการของตนเองได้ง่ายขึ้น การเปรียบเทียบราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้รวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นโดยตรง

การเน้นโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษ

Shelf Tag มักถูกใช้ในการแสดงโปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษ เช่น ส่วนลด ราคาพิเศษ หรือโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 ทำให้ลูกค้าได้รับข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษนั้น ๆ และตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น การแสดงโปรโมชั่นอย่างชัดเจนบน Shelf Tag ยังช่วยดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีการจำกัดระยะเวลาโปรโมชั่น

การจัดระเบียบและสร้างความน่าสนใจ

Shelf Tag ช่วยให้ชั้นวางสินค้าดูเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีความน่าสนใจมากขึ้น การมีข้อมูลสินค้าและราคาที่ชัดเจนทำให้ชั้นวางดึงดูดสายตาและดูเป็นมืออาชีพ การจัดระเบียบชั้นวางที่ดีพร้อมกับป้ายที่ชัดเจนจะช่วยให้ร้านค้ามีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ และเพิ่มความประทับใจให้กับลูกค้า

ประโยชน์ของ Shelf Tag ในการบริการลูกค้า

การสนับสนุนการทำงานของพนักงาน

Shelf Tag ช่วยลดภาระการตอบคำถามเกี่ยวกับราคาหรือข้อมูลสินค้าจากพนักงาน ลูกค้าสามารถหาข้อมูลได้ด้วยตนเอง ทำให้พนักงานสามารถทำงานอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การจัดเรียงสินค้า การบริการลูกค้ารายอื่น ๆ หรือการดูแลความเรียบร้อยในร้านค้า นอกจากนี้ ยังช่วยลดเวลาในการรอคอยของลูกค้าในช่วงเวลาที่มีลูกค้าจำนวนมาก

การเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า

การมี Shelf Tag ที่ชัดเจนและอ่านง่าย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในขณะที่เลือกซื้อสินค้า ทำให้การช้อปปิ้งเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่เกิดความสับสน ลูกค้าสามารถหาข้อมูลและตัดสินใจซื้อสินค้าได้เองโดยไม่ต้องรบกวนพนักงาน ซึ่งเป็นการเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีและทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

ตัวอย่างการใช้งาน Shelf Tag

ร้านสะดวกซื้อ : ใช้ Shelf Tag ในการแสดงราคาขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม ลูกค้าสามารถดูราคาสินค้าและโปรโมชั่นพิเศษได้ทันทีเมื่อต้องการเลือกซื้อสินค้า

 

ห้างสรรพสินค้า : ใช้ Shelf Tag ในแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อแสดงข้อมูลสินค้ารุ่นต่าง ๆ พร้อมราคาและข้อเสนอพิเศษ ทำให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบสินค้าและเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น

 

ซูเปอร์มาร์เก็ต : ใช้ Shelf Tag ในแผนกของสด เช่น ผัก ผลไม้ เพื่อแสดงข้อมูลราคาและน้ำหนักของสินค้า ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้รวดเร็วและมั่นใจในราคาที่ได้รับ

 

บทสรุป

โดยรวมแล้ว Shelf Tag เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการร้านค้า ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขายสินค้า แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการบริการลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น มีประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี และกลับมาใช้บริการซ้ำ นอกจากนี้ การใช้ Shelf Tag ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพให้กับร้านค้า และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าทุกครั้งที่มาเยี่ยมชม

Bplus Barcode ช่วยให้การพิมพ์ป้ายราคาและ Shelf Tag เป็นเรื่องง่ายดาย และยังเหนือชั้นด้วยการให้บริการที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถทราบราคาและโปรโมชั่นได้ทันทีผ่าน Bplus ShowPrice ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่แสดงราคาบนระบบปฏิบัติการ Android โดยสามารถเลือกการแสดงผลได้ 2 แบบ

  • แบบค้าส่ง-ค้าปลีก: พร้อมเสียงแจ้งราคาและภาพพักหน้าจอ หรือคลิปโฆษณาสั้น ๆ ระหว่างพักจอภาพ
  • แบบธุรกิจแฟชั่น: สามารถสอบถามสินค้าที่เหลือในขนาดหรือสีต่าง ๆ ได้ทันทีเพื่อเพิ่มโอกาสการขาย

Bplus ShowPrice สำหรับธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง

  • ลูกค้าสามารถตรวจสอบราคาสินค้าได้อย่างง่ายดาย
  • ตรวจสอบแคมเปญโปรโมชั่นได้เอง เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อ
  • เพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้า
  • ลดเวลาการทำงานของแคชเชียร์

 

ข้อมูลเพิ่มเติม :  https://www.businessplus.co.th/pos-point-of-sale-c047/customer-self-service-v8442