การทำงานร่วมกันในองค์กรย่อมต้องอาศัยความร่วมมือ ความเคารพ และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่หากลูกจ้างคนใดมีพฤติกรรมรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกายหรือข่มขู่เพื่อนร่วมงาน ย่อมเป็นพฤติกรรมที่ไม่อาจยอมรับได้ และอาจส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัยในสถานที่ทำงานโดยรวม
พฤติกรรมใช้ความรุนแรง ถือเป็นความผิดร้ายแรง การใช้กำลังทำร้ายร่างกาย หรือแม้แต่ข่มขู่ด้วยวาจาในลักษณะที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัวต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน ถือเป็นความผิดร้ายแรงตามหลักกฎหมายแรงงาน โดยเฉพาะหากมีพยานหลักฐานชัดเจน เช่น คลิปวิดีโอ พยานบุคคล หรือบันทึกเหตุการณ์ที่เป็นลายลักษณ์อักษร
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 ระบุว่า นายจ้างสามารถเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยได้ หากลูกจ้างมีพฤติกรรมร้ายแรง เช่น
“ทำร้ายร่างกายหรือทำอนาจารแก่เพื่อนร่วมงาน นายจ้าง ผู้จัดการ หรือบุคคลในครอบครัวของนายจ้าง”
โดยไม่จำเป็นต้องมีการเตือนล่วงหน้าก่อน หากความผิดนั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนและกระทบต่อความสงบเรียบร้อยขององค์กร
ตัวอย่างพฤติกรรมที่เข้าข่ายเลิกจ้างได้
-
ชกต่อยหรือทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมงาน
-
ขว้างปาหรือทำลายทรัพย์สินขณะโกรธเคือง
-
ข่มขู่ด้วยคำพูดหรือพฤติกรรมที่ทำให้ผู้อื่นกลัวอันตราย
-
ใช้อาวุธหรือของมีคมในสถานที่ทำงาน
นายจ้างต้องดำเนินการอย่างเหมาะสม แม้ว่ากฎหมายให้อำนาจเลิกจ้างได้ทันที นายจ้างก็ควรดำเนินการตามกระบวนการที่โปร่งใส เช่น
-
สอบสวนข้อเท็จจริง โดยเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูล
-
รวบรวมพยานหลักฐาน ให้ชัดเจนเพื่อประกอบการตัดสินใจ
-
ทำบันทึกการเลิกจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร ระบุเหตุผลให้ชัดเจน เพื่อป้องกันข้อพิพาททางกฎหมายในภายหลัง
ที่มา กฎหมายแรงงาน