ในทุกธุรกิจ การจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงินและการดำเนินงานขององค์กร
ABC Analysis เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้บริหารเข้าใจว่า “สินค้าตัวใดคือสินค้าหลักของกำไร” และ “สินค้าตัวใดคือภาระต้นทุนที่ควรถูกควบคุม”
หากใช้ร่วมกับระบบบริหารจัดการสต็อกอย่าง Bplus ERP ผู้บริหารจะสามารถดูข้อมูลเชิงลึกแบบ Real-time ทั้งยอดขาย ต้นทุน และมูลค่าสินค้าคงเหลือของแต่ละกลุ่มสินค้าได้ทันที
ช่วยให้การตัดสินใจเรื่องการสั่งซื้อ การจัดโปรโมชั่น หรือการตัดสินใจเลิกขายสินค้าเป็นไปอย่างแม่นยำและรวดเร็ว
1. ความสำคัญของการใช้ ABC Analysis
ABC Analysis ช่วยให้ธุรกิจสามารถแบ่งสินค้าทั้งหมดออกเป็น 3 กลุ่มหลักตามความสำคัญ ได้แก่:
- กลุ่ม A: สินค้าที่มีมูลค่าสูงสุด และสร้างรายได้หรือกำไรมากที่สุด แม้ว่าสินค้ากลุ่มนี้จะมีสัดส่วนเพียง 20% ของจำนวนสินค้าทั้งหมด แต่สามารถสร้างรายได้สูงถึง 80% ของยอดขาย สินค้าในกลุ่ม A นี้จึงต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น ตรวจสอบสต็อกบ่อยครั้ง ป้องกันการขาดแคลน และส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
- กลุ่ม B: สินค้าที่สร้างรายได้ในระดับปานกลาง คิดเป็นประมาณ 30% ของสินค้าทั้งหมด และสร้างรายได้ 15% การจัดการสต็อกในกลุ่มนี้ควรทำให้สมดุล ไม่มากหรือน้อยเกินไป
- กลุ่ม C: สินค้าที่สร้างรายได้ต่ำสุด คิดเป็นประมาณ 50% ของสินค้าทั้งหมด แต่สร้างรายได้เพียง 5% การจัดการสินค้ากลุ่ม C นี้ควรเน้นการควบคุมปริมาณสต็อก ลดการสั่งซื้อ และตรวจสอบสต็อกเป็นระยะ
💡 ในระบบ Bplus ERP สามารถตั้งเกณฑ์วิเคราะห์ ABC ได้อัตโนมัติ โดยโปรแกรมจะจัดลำดับสินค้าตามมูลค่าการขายหรือปริมาณยอดขาย เพื่อช่วยผู้บริหาร “รู้ลำดับความสำคัญของสินค้า” และ “โฟกัสสินค้าที่ทำกำไรจริง”
2. ตัวอย่างการวิเคราะห์ ABC Analysis
ตัวอย่างของร้านค้าปลีกที่มีสินค้าทั้งหมด 100 รายการ การวิเคราะห์ ABC จะสามารถแบ่งสินค้าดังนี้:
- กลุ่ม A: 20 รายการ เช่น โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริม ซึ่งสร้างยอดขายรวม 80% ของยอดขายทั้งหมด
- กลุ่ม B: 30 รายการ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่สร้างยอดขาย 15%
- กลุ่ม C: 50 รายการ เช่น สินค้าทั่วไป ที่สร้างยอดขายเพียง 5%
💡 การรู้ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจ “จัดงบประมาณ” และ “จัดพื้นที่จัดเก็บ” ได้อย่างคุ้มค่า และเมื่อใช้ระบบ Bplus ERP จะสามารถเห็นรายงานการจัดกลุ่มแบบ ABC ได้ทันทีจากหน้าจอเดียว ทั้งแบบรายวัน รายเดือน หรือรายปี
3. การแก้ไขปัญหาจากการวิเคราะห์ ABC
| หัวข้อ |
รายละเอียด |
3.1 การแก้ไขปัญหากลุ่ม A
ป้องกันการขาดสต็อกและเพิ่มประสิทธิภาพการขาย |
- ปัญหา: สินค้ากลุ่ม A มักขายดีและอาจขาดสต็อกบ่อย ทำให้ธุรกิจสูญเสียโอกาสในการขาย
- การแก้ไข: ควรติดตามปริมาณสินค้ากลุ่ม A อย่างสม่ำเสมอ และตั้งจุดสั่งซื้อใหม่ (Reorder Point) เพื่อลดโอกาสขาดสต็อก พร้อมทั้งส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขาย
|
3.2 การแก้ไขปัญหากลุ่ม B
จัดการสต็อกให้สมดุล |
- ปัญหา: สินค้ากลุ่ม B มักมีปริมาณสต็อกมากเกินไป ทำให้เกิดต้นทุนการจัดเก็บสูง
- การแก้ไข: ลดปริมาณการสั่งซื้อให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดโดยอ้างอิงข้อมูลยอดขายย้อนหลัง และใช้โปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย
|
3.3 การแก้ไขปัญหากลุ่ม C
ลดต้นทุนและปรับกลยุทธ์การขาย |
- ปัญหา: สินค้ากลุ่ม C มียอดขายต่ำและมีต้นทุนการเก็บรักษาสูง
- การแก้ไข: ลดหรือหยุดการสั่งซื้อหากไม่สามารถเพิ่มยอดขายได้ ใช้โปรโมชั่นระบายสต็อก และพิจารณาเปลี่ยนไปใช้สินค้าทดแทนที่มีศักยภาพสูงกว่า
|
4. การลดต้นทุนและเพิ่มยอดขายด้วย ABC Analysis
การใช้ Bplus ERP ช่วยให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมของสินค้าทุกกลุ่มในมุมมองต้นทุนจริง (Real Cost)
ช่วยลดต้นทุนที่จมอยู่ในสินค้าขายช้า และเพิ่มกำไรจากสินค้าขายดีได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น
- ลดต้นทุนเก็บรักษา 20%
- เพิ่มอัตราหมุนเวียนสต็อก (Stock Turnover) ได้สูงขึ้น
- เพิ่มกระแสเงินสดหมุนเวียนของธุรกิจ
สรุป
ABC Analysis เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากต้องการ “เห็นภาพจริงแบบ Real-time” และ “เชื่อมโยงข้อมูลครบทุกมิติ” ขอแนะนำ Bplus ERP ระบบบริหารจัดการธุรกิจที่ช่วยวิเคราะห์ ABC ได้ครบวงจร คุณจะสามารถดูมูลค่าสินค้าในแต่ละกลุ่ม วิเคราะห์ต้นทุนจริง กำหนดนโยบายการสั่งซื้อ และวางกลยุทธ์เพิ่มยอดขายได้ในที่เดียว ทั้งหมดนี้ช่วยให้คุณ “ลดต้นทุน เพิ่มกำไร และใช้ข้อมูลตัดสินใจอย่างแม่นยำ” ได้จริง
เขียนโดย AI
โปรแกรมบัญชี Bplus ERP ผู้ช่วยจัดการธุรกิจในมุมมองใหม่ที่มีความแม่นยำและเป็นระบบ
สนใจชมสาธิตการใช้งานเพื่อได้สิทธิทดลองใช้ ลงทะเบียนได้ที่นี่ คลิก
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bplus ERP คลิก
